A: สวัสดีครับ อาจารย์
อาจารย์สบายดีนะครับ ผมทักอาจารย์มาวันนี้ไม่มีอะไรเลยครับ ผมแค่คิดถึงอาจารย์ครับ
ถ้าอาจารย์เป็นพระอยู่วัดใกล้บ้านผมคงไปกราบอาจารย์ทุกวันเลย
ผมสวดมนต์ทุกวันเช้า-เย็น เวลาถึงบทระลึกพระคุณครูบาอาจารย์ ผมจะคอยระลึกถึงอาจารย์ จะได้รู้สึกเหมือนได้กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยเสมอ
ผมระลึกถึงอาจารย์เป็นความรู้สึกนะครับ นึกถึงตอนฟังธรรมแล้วความรู้สึกก็มา
การปฏิบัติของผมเป็นไปได้ด้วยดีครับอาจารย์ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
ถึงมี ก็รู้ครับว่าควรทำยังไง
อาจารย์สอนผมมาดีครับ
ผมตั้งใจปฏิบัติทุกวัน อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ตอนในชีวิตประจำวัน แต่ระลึกถึงหน้าที่ และคำเตือนสติว่าอย่าประมาทของอาจารย์ได้บ่อยครับ
ปัญหาส่วนใหญ่ตอนนี้คือความรู้สึกกับโลกนอกตัวครับ
จิตมันชอบออกไปเพ่งโทษคนในโลกภายนอก แต่ผมทันครับอาจารย์ รู้ทันจิตที่มันออกไปเพ่งโทษคนอื่นได้ดี
มีคำสอนของพระพุทธองค์คำสอนนึงช่วยผมไว้เสมอคือ”ถ้าเธอเพ่งโทษในตัวผู้อื่น ธรรมวิเศษในตัวเธอได้หายไปแล้ว
” ผมเข้าใจว่าธรรมวิเศษที่พระพุทธองค์พูดถึงคือ ถ้าเราเพ่งโทษผู้อื่นอยู่ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกตัวแล้ว ประโยคนี้ช่วยผมไว้ได้แทบทุกครั้ง
ผมคิดว่าตอนนี้ผมเจอเรื่องเดียวกับที่อาจารย์เคยเจอครับ ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับคนรอบข้างที่เค้าจะไม่เข้าใจเรา เค้ามองว่าเราเคร่ง หรือมากเกินไป เค้าชอบบอกผมว่าทำอะไรทางสายกลางดีที่สุด ผมว่านี่แหละเป็นความเห็นผิดของคนส่วนใหญ่จริงๆ
คนส่วนใหญ่ชอบมองว่าคนที่กำลังขัดเกลาตนเอง ทำความเพียรหมั่นเจริญสติ เป็นคนที่เคร่ง
เค้าชอบคิดว่า ใช้ชีวิตทางโลกแล้วมีทำบุญบ้างก็พอ ธรรมะต้องสบายๆแบบนี้ถึงเป็นทางสายกลาง
ผมมองว่าแบบนั้นคือกิเลสของเค้าแล้วที่สบาย พวกเค้าไม่เห็นทุกข์เลย แถมยังเห็นทุกข์เป็นสุข
ไม่เห็นค่าจิตใจที่เป็นปกติเลย ใจปกติอยู่ ก็ไม่รักษา ไปหาเรื่องเข้ามาแล้วบอกนั้นคือความสุข
ผมว่าผมก็ปฏิบัติสบายๆอยู่นะครับเพราะมันเริ่มเป็นธรรมชาติแล้ว จิตใจผมดีขึ้นมากเลย
ทุกวันนี้ผมเข้าใจโลกขึ้นมากเลยครับอาจารย์ ขอบคุณอาจารย์มากๆเลย ผมมองโลกภายนอกเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ มันเป็นอย่างที่มันเป็น
เป็นไปเพราะมีเหตุปัจจัย ไม่ได้เป็นเพราะเราอยากไม่อยาก ยอมรับอะไรง่ายขึ้นมาก
ถ้ามีอะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้นนั้น คือใจผมที่มันไม่ปกติแล้ว
ผมยังปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอครับ ผลการปฏิบัติตอนนี้คือ
1.ผมนั่งขยับมือหลวงพ่อเทียนหรือนั่งสมาธิจนจิตตื่นได้บ่อยมากขึ้นครับ
การตื่นครั้งหลังๆ มีที่รู้ได้เพิ่มขึ้นมาคือ ลมหายใจมันหายไป รู้สึกแทบไม่ได้
ถ้ารู้สึกได้ก็เป็นลมที่ละเอียดมาก เลยรู้สึกเหมือนร่างกายนี้ไม่ใช่เรา เหมือนเป็นหุ่น แต่ยังไม่ชัดนะครับ จะปฏิบัติต่อไปครับ
2.ในการตื่น3ครั้งหลังสุดมีสิ่งที่พิเศษที่ผมไม่เข้าใจอยากถามอาจารย์ครับ
ผมตื่นด้วยวิธีลืมตา พอจิตตื่นตั้งมั่นขึ้น แสงในห้องเปลี่ยนสีไปครับ จากสีขาวของหลอดนีออนเป็นสีส้มๆเหลืองๆ และครั้งล่าสุดวันนี้ในห้องเหมือนเป็นหมอกหนาปกคลุมไปทั้งห้องเห็นรูปประพุทธองค์ที่ผมวางตรงหน้าที่สว่างชัด
3.หลังจากจิตตื่นได้บ่อยขึ้นหลังๆมานี้ผมพบความรู้สึกตรงหน้าอก สามารถสังเกตุได้เกือบตลอดทั้งวัน เดี๋ยวมันก็บีบคั้น เดี๋ยวมันก็คลาย มันเป็นของมันเอง มันเป็นไตรลักษณ์จริงๆครับอาจารย์
และจะเห็นชัดมากเมื่อมีอารมณ์สุขทุกข์เข้ามากระทบ ผมเลยทำหน้าที่ข้อที่3ที่อาจารย์ให้ไว้ได้ง่ายขึ้น
4.ทุกวันนี้ผมเข้าใจหน้าที่3ข้อของอาจารย์อย่างถึงใจแล้วครับ
ก่อนหน้านี้มันเป็นเหมือนสัญญาท่องจำ แต่ทุกวันนี้มันเป็นความเกี่ยวเนื่องกันเหมือนจิตมันเข้าใจของมันเอง
แต่ก่อนผมมักจะแค่รู้สึกตัว ผมพบว่าพอผมให้ความสำคัญกับการรู้ทันความคิดและคอยดูคอยเห็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ ควบคู่กันไปทั้ง3หน้าที่ การปฏิบัติของผมรู้สึกได้ผลดีขึ้นมาก
เลยเข้าใจว่าหน้าที่3ข้อที่อาจารย์ให้ไว้ครอบคลุมการปฏิบัติไว้หมดแล้ว
5.ผมพบการรู้ทันความคิดเป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นสิ่งที่ไม่ได้ให้ความสำคัญนักในข้อนี้
เหมือนทุกอย่างมันเริ่มที่ความคิด มีครั้งนึงผมปฏิบัติอยู่แล้วผมเห็นทันว่า พอความคิดเกิด ความเคลิ้มความง่วงก็ตามมาทันที แล้วจิตก็เริ่มไหล พอรู้สึกตัวทัน ทุกอย่างดับหมด แล้วจิตกับมีเรี่ยวมีแรงตั้งมั่นขึ้น
6.ผมเข้าใจที่อาจารย์บอกแล้วครับว่าการปฏิบัติเป็นอนัตตา จะเห็นผลช้าถ้ามีตัวตน
เรามุ่งพัฒนาสติ ไม่ใช่อัตตาตัวตน
ยิ่งว่างยิ่งเจริญได้ดี เวลาเห็นความรู้สึกในใจในหน้าที่ที่3 ขณะนั้นนั้นผมว่างจากตัวตน ผมเป็นอีกธรรมชาติหนึ่งที่เห็นความรู้สึกอยู่ เห็นมันสุขมันทุกข์ ผมไม่เข้าไปเป็นความสุขความทุกข์นั้น
ผมเห็นมันห่างๆออกไป ถ้าเป็นความทุกข์ทุกข์จะลดลงไปมากเลย
ชีวิตมีความสุขขึ้นเพราะเห็นแบบนี้ และเห็นอะไรๆเป็นไตรลักษณ์มากขึ้น มันมาแล้วมันก็ไป ไม่เข้าไปบ้ากับมันจนต้องสร้างกรรมขึ้นมา
ขอรบกวนอาจารย์เท่านี้ครับ ถึงผมจะชอบฟังธรรม เหมือนมีครูบาอาจารย์มากมาย
แต่ผมซาบซึ้งในพระคุณของอาจารย์เสมอ เพราะอาจารย์ทำให้ผมได้สัมผัสการตื่นครั้งแรก และธรรมบรรยายของอาจารย์เป็นสิ่งที่ผมให้จิตอยู่ด้วยมากที่สุด
เหมือนเค้าฟังอาจารย์แล้วเค้าจะเชื่อฟัง คงเพราะเค้าโดนอาจารย์สั่งสอนมาเยอะมากครับ เถียงอะไรอาจารย์ไม่ออก เลยยอมรับอย่างแท้จริง เวลาฟังเลยรู้สึกเหมือนจิตมีอารมณ์เป็นสมาธิได้ง่าย
ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงนะครับ
ขอบคุณครับ
Camouflage: สาธุนะครับ
ชีวิตผมที่เหลืออยู่ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ที่ต้องการเดินตามทางที่พระพุทธองค์ได้เมตตาสั่งสอนไว้ครับ
เมื่อเราเพ่งโทษผู้อื่น จิตใจจะเต็มไปด้วยอกุศลทุกอย่างครับ
และที่ร้ายแรงที่สุด คือเป็นมิจฉาทิฏฐิ “ความเป็นเรา”เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่เห็นครับ
ตอบคำถามนะครับ
1.อย่าพยายามจะเห็นตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ครับ แค่ทำหน้าที่ไป เวลามันเห็นความจริง มันเห็นชัดเองครับ ไม่ต้องพยายามอะไรเลย
2.ตอนนี้ต้องหันมาดูจิตใจตัวเองครับ จะเห็นอะไรก็แล้วแต่ ไม่สู้เห็นจิตใจตัวเองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นครับ
3.ดีมากครับ
4.ดีมากครับ
5.เห็นสภาวะได้ดีมากครับ
6.จิตที่ว่างนั้นเป็นผลจากการที่เราเจริญสติอย่างถูกต้องครับ
ขอบคุณสำหรับการบ้านการปฏิบัติดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ร่วมทางท่านอื่นได้ครับ
A: เพ่งโทษ น่ากลัวกว่าที่คิดเยอะเลยครับ ขอบพระคุณครับอาจารย์
28 มกราคม 2563