จุดประกายถามตอบ 28

ยาวหน่อยแต่มีประโยชน์ครับ

A: สวัสดีครับ อาจารย์

ปัจจุบันผมปฏิบัติตามแบบแผนจนเริ่มเป็นนิสัยแล้ว ส่วนในชีวิตประจำวันก็หมั่นรู้สึกตัว และมีสติตามรู้ทันจิตใจได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก

ผมจะเน้นตรงที่เวลาเผลอคิดไป จะคอยรู้ทันความคิด ไม่ไปติดกับมัน กลับมาอยู่กับความรู้สึกตัวรู้สึกใจ เหมือนที่อาจารย์เน้นย้ำสอนว่าหน้าที่ตรงนี้สำคัญที่สุด

ก่อนหน้านี้ผมไม่เข้าใจว่าสำคัญยังไง แต่ก็ทำไปๆ เพราะอาจารย์และครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆแทบทุกท่านเน้นย้ำเรื่องนี้ว่าสำคัญที่สุด

แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ เพราะมันเกิดผลกับผมแล้วครับ หลังจากใส่ใจในหน้าที่มาระยะนึง

ผลของมันตามที่ผมเข้าใจคือ จิตผมตื่นครับ

อาการของมันเหมือนที่อาจารย์บอกทุกอย่าง

ความง่วงหรือนิวรณ์ต่างๆที่มีก่อนหน้า หายไปหมด หายไปแบบในพริบตาเลยก็ว่าได้ทั้งๆที่ก่อนหน้ายังมีอยู่เลย แต่พอรู้ทันจิตใจมากๆเข้า จนจิตเป็นสมาธิ เผลอคิดปุ๊บมันรู้ทันเอง มันทำเองอัตโนมัติเลย ผมแค่อยู่กับมัน เฝ้าดูมัน ก่อนจะตื่นจะกลับมาแรงมากบางครั้งกายกระตุกนิดๆ แล้วก็โพล่ง!

ความรู้สึกตอนตื่นคือมัน จะเรียกว่าเบิกบานก็ได้นะครับ จะเรียกว่าปกติหรือสันติก็ได้สำหรับผม แต่ที่แน่ๆคือไม่มีทุกข์เลย ผมจำได้จากการฟังธรรมของอาจารย์ อาจารย์เคยสอนไว้ว่าตอนสภาวะตื่นนี้ ความทุกข์จะหายไปหมด เป็นแบบนั้นจริงๆครับ จะมีความรู้สึกสดชื่นๆ ความคิด ความง่วงนอนหรืออกุศลต่างๆไม่มีเลยในเวลานั้น

คือผมฟังธรรมเยอะของอาจารย์ทุกวัน การตั้งใจฟังธรรมบรรยายของอาจารย์อย่างต่อเนื่องทุกวัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมในปีนี้เลยครับ

ตอนมีสภาวะตื่น จิตเวลานั้นมันตื่นตัวตั้งมั่น แต่ผมคิดว่าผมยังใช้ประโยชน์จากสภาวะนั้นได้ไม่ดีเท่าไหร่ ที่ตัวเองทำก็คือเห็นกายเป็นสิ่งที่ถูกดู จิตเป็นผู้รู้ผู้เห็น แต่ผมรู้สึกเหมือนมันจะไม่ค่อยเกิดปัญญาอะไรเท่าไหร่ เพราะจิตตอนนั้นตั้งมั่นดีมาก ความคิดอะไรก็แทบไม่มี เลยอยากขอทราบประสพการณ์การเดินปัญญาของอาจารย์ตอนจิตตั้งมั่นหน่อยครับ

ปัจจุบัน ผมสามารถนั่งสมาธิรู้ทันจิตรู้ทันความคิด จนจิตตื่นขึ้นมาได้ ทำได้หลายครั้งล่ะครับ แต่อาจารย์รู้มั้ยครับว่าผมยังประทับในการตื่นครั้งแรกไม่เคยลืม เพราะผมตื่นครั้งแรกตอนผมฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ครับ

ตอนนั้นตั้งใจฟัง ผมให้ธรรมบรรยายของอาจารย์กล่อมเกลาจิตใจ ฟังไปๆพิจารณาๆไปจนจิตมันซึ้งในธรรม

เริ่ม จนถึงจบตอนแล้วเสียงดนตรีตอนจบของอาจารย์ที่อาจารย์ทำให้ดนตรีมันเสียงดังขึ้นเป็นพิเศษ ดังขึ้นมา ผมจิตผมก็ตื่นโพล่งขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยลืมเลย ขอบพระคุณอาจารย์มากๆครับที่ทำให้ผมได้สัมผัสประสพการณ์นี้

ประสพการณ์ทางธรรม เป็นประสพการณ์มหัศจรรย์แบบที่อาจารย์บอกจริงๆครับ เพราะการตื่นครั้งแรกจากการฟังธรรมของอาจารย์ เป็นกำลังใจทำให้ผมตั้งใจปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จนวันนี้ผมสามารถสัมผัสประสพการณ์ตื่นได้ด้วยตนเองจากการเพียรทำหน้าที่ที่อาจารย์สอนได้อีกหลายครั้ง

วันไหนเหตุปัจจัยพร้อม จัดการสภาพแวดล้อมได้ดี ทำความเพียร รู้สึกตัว รู้ทันกายใจได้ดี วันนั้นจิตก็จะตื่นขึ้นได้ไม่ยากเลย เป็นความรู้สึกที่เกินบรรยายจริงๆครับขนาดแค่จิตตื่นขึ้นยังขนาดนี้

ผมจะปฏิบัติต่อไปโดยไม่คาดหวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติครับ เพราะอาจารย์เน้นย้ำสอนไว้แล้ว ไม่ให้ไปคิดถึงผล ถ้าเราทำเหตุได้ดีมันก้าวหน้าเอง

ขอบพระคุณอาจารย์มากๆครับ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง หลายครั้งมากครับที่ผมตกลงข้างทาง แต่ธรรมบรรยายของอาจารย์ช่วยเตือนสติให้กลับมาได้ทุกครั้ง บางครั้งผมก็แปลกใจมากครับ ธรรมบรรยายตอนที่ฟังมาถูกเวลาพอดี แต่ผมก็เข้าใจได้ครับ อะไรที่ผมเจออยู่อาจารย์คงเคยเจอมาแล้วและผ่านมันมาได้แล้วอาจารย์จึงบอกทางให้ไว้ล่วงหน้า

จากการปฏิบัติมันซักระยะนึง มีอยู่อย่างนึงครับที่ผมรู้ซึ้งถึงมันแล้ว ซึ่งก็ตรงกับที่อาจารย์เคยบอกไว้ในธรรมบรรยายตอนหนึ่งคือ “ชีวิตทางโลก…มันก็แค่นั้น”

ผมเห็นเหมือนอาจารย์แล้วครับ ชีวิตทางโลกมันก็แค่นั้นจริงๆครับ แต่ชีวิตทางธรรมนี้ไม่ใช่เลย ชีวิตทางธรรมนี้มันมหัศจรรย์จริงๆ

ขอบพระคุณอาจารย์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ

“ความไม่ทุกข์” อาจฟังแล้วเหมือนไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าได้สัมผัสซักครั้งถึงกับบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เลยครับ สำหรับผมความสุขก็สู้ไม่ได้เลย

ผมตื่นตี4ครึ่ง เดินจงกรม สร้างจังหวะหลวงพ่อเทียน และสวดมนต์ทุกวันจนถึงเวลาไปทำงาน ระหว่างวันทำหน้าที่3อย่างที่อาจารย์เน้น หมั่นรู้สึกตัว เผลอคิดก้อคอยรู้ทัน ไม่ไปติดกับมันกลับมารู้สึกตัว จากนั้นก็ดูใจว่าเป็นยังไง ทำแบบนี้เท่าที่จะสามารถทำได้ กำหนดให้เป็นหน้าที่หลักของชีวิต หลังๆมันทำได้ดีขึ้นบ่อยขึ้น ระหว่างวันจะฟังธรรมตลอด ความบันเทิงต่างๆในโลกผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่แล้วเพราะเห็นแล้วว่าล้วนเป็นแต่กิจกรรมที่หนีทุกข์และมีแต่นำมาซึ่งทุกข์ทั้งสิ้น เกือบทั้งหมดไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย หลงเข้าไปเมื่อไหร่กำลังที่สะสมไว้เหมือนจะหดหายไป ผมเลยเอาเวลาส่วนใหญ่มาให้จิตเคล้าเคลียอยู่กับธรรมแทน เพราะรู้ซึ้งตามที่อาจารย์สอนแล้วว่ากำลังนั้นสำคัญมาก ทำให้เราสามารถแค่รู้เฉยๆไม่เข้าไปเป็นได้ ถ้าจิตไม่มีกำลังจะรู้เฉยๆไม่ได้จะหวั่นไหวเข้าไปเป็นทุกข์เป็นสุข

การฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ผมจะฟังแล้วจดตรงประเด็นที่สำคัญๆที่อาจารย์เน้นย้ำ ที่ฟังแล้วซาบซึ้งใจไว้ทุกตอน ช่วยให้จำธรรมคำสอนของอาจารย์ได้ดี โดยจะฟังอย่างน้อย2ตอนทุกวัน ผมคิดว่าการฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ทุกวันเป็นสิ่งสำคัญช่วยรักษาจิตให้อยู่ในเส้นการปฏิบัติธรรมไม่หลงไปกับโลกมากนัก ตอนกลางคืนจะสวดมนต์และนั่งสมาธิก่อนนอนทุกวัน

เมื่อจิตตื่น ผมพบว่า มันเป็นสภาวะที่วิเศษมาก จนบางครั้งผมเริ่มคิดว่าผมไปติดกับสภาวะนั้นเกินไปรึเปล่า เพราะครูบาอาจารย์ท่านสอนว่าเมื่อจิตตื่นหรือจิตตั้งมั่นขึ้นมาให้เดินปัญญา แต่ผมพบว่า ถ้าผมแค่รู้อยู่กับสภาวะตื่นนั้น จะสามารถอยู่กับสภาวะตื่นได้นาน แต่เมื่อผมพิจารณาธรรมในเวลานั้น หรือเปลี่ยนอิริยาบท สภาวะที่จิตตื่นจะค่อยๆอ่อนลงทรงอยู่ได้ไม่นาน เลยทำให้ผมอาจไปพยายามรักษามันไว้ซึ่งคงไม่ถูกต้อง ผมกลัวว่าถ้าปล่อยไป ผมอาจจะไปหลงติดอยู่กับสภาวะทีไม่มีความทุกข์ขณะจิตตื่นนี้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือการเกิดปัญญาเห็นความจริง เลย อยากขอคำแนะนำอาจารย์ว่าเราจะเดินปัญญาอย่างไรเมื่อเราอยู่ในสภาวะที่จิตตื่นตั้งมั่นนี้ครับ

การนั่งสมาธิของผม ผมจะหลับตาอยู่กับกายกับลมหายใจ ไม่บริกรรม พอเพลอคิดไปกับจะลืมตากลับมาอยู่กายและลมหายใจทันที แล้วก้อหลับตาปฏิบัติต่อไป ผมพบว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลดีมากสำหรับผม สามาถปฏิบัติจนจิตตื่นขึ้นได้บ่อยครั้ง

ก่อนนั่งสมาธิผมจะฟังธรรมบรรยายของอาจารย์เพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้อยู่ในธรรมก่อน พบว่าทำแบบนี้เวลานั่งสมาธิจิตจะเป็นสมาธิได้เร็วและดีกว่าไม่ฟัง ในตอนแรกเมื่อรู้ทันความคิดผมจะเปิดตาเพื่อเร้าความรู้สึกตื่น เมื่อรู้ทันความคิดได้มากครั้งๆเข้าจิตจะเป็นสมาธิ แล้วทีนี้ความมหัศจรรย์จะเริ่มเกิด จิตจะรู้ทันความคิดได้เอง ได้ไวมากด้วยเกิดปุ๊บ รู้ปั้บ ที่สำคัญคือ หลังๆมันเปิดตาเองเลย ตอนเจอครั้งแรกนี่ตกใจเลยครับ จิตรู้ทันเอง ร่างกายก็เปิดตาเอง การกลับมาหลังรู้ทันใรครั้งหลังๆก่อนตื่นจะแรงขึ้นๆจนจิตตื่นในที่สุด

นี้เป็นการปฏิบัติของผมครับ ทุกอย่างเริ่มต้นจากการมีความทุกข์ แล้วได้อ่านหนังสืออาจารย์ได้ฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ ได้สนใจในธรรม พบเจอครูบาอาจารย์ ได้ฟังธรรมคำสอน ได้เห็นความคิด จนวันนี้สามารถมีประสพการณ์ตื่นได้

ผมขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจะคอยติดตามฟังธรรม ปฏิบัติบูชาพระพุทธองค์ และบูชาอาจารย์ รวมถึงครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆด้วยตลอดไปครับ

Camouflage: สาธุครับ

ปฏิบัติได้ดีแล้วครับ

ให้สังเกตว่าตอนที่รู้สึกว่าจิตตื่น แล้วย้อนกลับมาดูความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นครับ

มียินดีพอใจมั้ย
ถ้ามี ก็รู้ครับ

ความยินดีพอใจจะจางไป ดับไป

เราจะเห็นว่าสภาวะความพอใจนั้น เปลี่ยนแปลง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ เป็นไปตามเหตุปัจจัย

ถ้าเราไม่เห็น เราพอใจ ส่งผลให้เราอยากทรงสภาวะตื่นนี้ไว้ นั่นไม่ตื่นแล้วครับ

ที่ส่งการบ้านมาว่า พอขยับร่างกายแล้วความตื่นลดลง จริงๆจิตกำลังเรียนรู้แล้วครับว่า สภาพตื่นนั้นก็ตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์เช่นกัน

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าสภาวะแบบไหนจะเกิดขึ้น เรายังคงทำหน้าที่รู้ทันความรู้สึกในจิตใจว่าเป็นยังไงครับ

และนั่นเป็นเหตุให้เกิดการเห็นตามความเป็นจริงครับ

ไม่ต้องพยายามเดินปัญญาครับ เพราะนั่นคือ”เรา”ที่เกินจากรู้ครับ

A: ขอบคุณมากครับอาจารย์ อาจารย์แนะนำได้ตรงจุดที่ผมเข้าใจพลาดไปได้เสมอเลย ขอบคุณมากๆครับ

เวลาฟังธรรมบางครั้งก็รู้สึกว่าเราน่าจะปฏิบัติได้ถูกได้ดีแล้ว ที่ไหนได้ จะมีอะไรที่มองข้ามไปแล้วอาจารย์ชี้ให้เห็นได้ตลอดเลย

จากคำแนะนำของอาจารย์ ผมจะคอยสังเกตุ รู้ทัน สภาวะต่างๆในกาย ในจิต ให้มากขึ้นครับ แทนที่จะอิ่มเอิบไปพอใจไปกับมัน

จากคำตอบของอาจารย์ ผมคิดว่าผมพอเข้าใจแล้วครับว่าผมควรปฏิบัติยังไงต่อไป ตอนผมได้ยินคำว่าเดินปัญญาครั้งแรก ผมเข้าใจว่ามันคือการคิดพิจารณาธรรม ซึ่งผมเข้าใจผิดไปสิ้นเชิงเลย เพราะเวลานั้นการคิดจะทำให้สภาวะตื่นที่รู้สึกชัดมากหายไปอย่างรวดเร็ว

ผมคิดว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ผมควรทำหรือที่เรียกว่าเดินปัญญานั้นคือ การเฝ้าดู อาการต่างๆ ของกายกับจิตที่มันแสดงออกมา คอยรู้คอยสังเกตุ ความจริงของสภาวะต่างๆที่มันเกิดขึ้นมาให้เห็นในตอนนั้น ปัญญาจริงๆเกิดขึ้นจากความจริงที่ผมเห็นและรู้สึกล้วนๆด้วยตนเองในสภาวะนั้นๆ ไม่ใช่ไปคิดไปพยายามทำอะไรให้ปัญญาเกิด ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยครับ

แสดงว่าที่ผ่านมา เมื่อจิตมันตื่น ผมดันไปประทับใจไปหลงยินดีพอใจกับมันโดยไม่รู้ตัว ผมได้ออกนอกทางไปแล้วในตอนนั้น ทำให้ผมไม่สามารถรู้สภาวะต่างๆที่แท้จริงที่กายจิตนี้จะแสดงออกมาให้เห็น เพราะผมหลงไปเรียบร้อยแล้วไม่อยู่กับรู้แล้ว โมหะนี่ช่างร้ายกาจจริงๆ

ขนาดเคยได้ยินได้ฟังที่อาจารย์เน้นย้ำเสมอหลายครั้งมาก ว่านอกจากรู้แล้วไม่ต้องทำอะไร เลยยังแค่สงสัยทำอะไรไม่ถูกแต่ก็หลงเข้าไปไม่น้อยเลย

ถ้าไม่เคยได้ฟังธรรมของอาจารย์ผมคงจะหลงติดดีเข้าไปเต็มที่แน่นอน เป็นบุญของผมจริงๆ ที่ได้คำย้ำเตือนของอาจารย์ช่วยไว้

ขอบพระคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจารย์เมตตา คอยสอนคอยบอกทางให้คำแนะนำ เสมอมาครับ ขอบพระคุณมากๆครับ

Camouflage: สาธุ เข้าใจถูกแล้วครับ

A: ขอบคุณครับอาจารย์