จุดประกายถามตอบ 12

A: อาจารย์คะ จำเป็นหรือไม่ ที่ต้องมีสภาวะ โปร่ง โล่ง เบา ว่าง ถึงจะดี

Camouflage:

ทุกสภาวะเท่ากันนะครับ
สภาวะดีหรือไม่ดี มันเป็นแค่ความคิด ความเชื่อของเราครับ

เราอาจจะไปอ่าน ไปฟัง หรือแม้กระทั่งเคยรู้สึกว่า ว่างนี่ดี โปร่งนี่ดี โล่งนี่ดี เราเลยคิดว่าแบบนี้ดี ควรจะเป็นแบบนี้

นั่นคือจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดในการปฏิบัติครับ

บางคนปฏิบัติมานานแล้ว เริ่มเพี้ยนไปจากหลักการ ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยไปครับ

เพราะฉะนั้น เราต้องมั่นคงในหลักการ เราจะได้ไม่ตกหล่ม เข้าใจผิดง่ายๆนะครับ

หมั่นเตือนตัวเองนะครับ
จะโปร่ง ไม่โปร่ง
โล่ง ไม่โล่ง
ว่าง ไม่ว่าง
เบา ไม่เบา

ล้วนเป็นสภาวะที่ถูกรู้เหมือนกันครับ
ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร

(และหากจะหาว่าอะไรดีกว่าจริงๆ ควรจะเป็นสภาวะที่เป็นทุกข์ครับ 🙂

เพราะสภาวะที่จิตเป็นทุกข์นั้น สอนอะไรหลายอย่าง เป็นครูชั้นดีทีเดียวให้กับเราทุกคนครับ)

อย่าลืม ที่ผมเน้นย้ำเสมอนะครับ

ตัวจริงของเรา คือสภาพแห่งพุทธะ
คือ สภาพตื่นรู้ล้วนๆ

เราปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เพื่อจะเอาโปร่ง เอาโล่ง เอาว่าง

สภาวะอะไรก็ได้ครับ
แต่สำคัญคือเราสามารถตื่นรู้
สามารถเห็นสภาวะใดๆที่กำลังเกิดขึ้นตามความเป็นจริง
เป็นปัจจุบันธรรมได้จริง

แล้วที่ว่าว่างนั้น ในศาสนาพุทธเราคือ ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ว่าสภาวะใดๆว่าเป็นเรา เป็นของเรา

นั่นคือ เมื่อตื่นขึ้นมาได้ จะเห็นสภาวะตามเป็นจริง โดยไม่เข้าไปมีปัญหากับสภาวะนั้นๆ นั่นเรียกว่าว่างแล้วครับ

ไม่ใช่ปฏิบัติ ด้วยมุ่งหมายทำให้จิตว่าง ทำให้จิตไม่มีอะไรนะครับ เพราะจิตยังมีอวิชชา อาสวะ กิเลส นอนเนื่องอยู่

ต้องอาศัยการเจริญมรรค โดยย่อคือศีล สมาธิ ปัญญาเป็นตัวขัดเกลา ทำลายอวิชชา ไม่ใช่เราไปทำให้มันว่างนะครับ

ว่างในศาสนาพุทธ คือ ไม่ว่าสภาวะอะไรเกิดขึ้นในจิต เช่นจิตอาจจะวุ่น แต่มันก็ว่างจากอุปาทาน ความยึดมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเราครับ หรือที่ผมสอนหลักง่ายๆว่า

อ่อ..ตอนนี้เป็นแบบนี้
รู้อยู่…แต่ไม่เกี่ยวกะมัน ไม่สนใจมัน

*
*
*

แต่เมื่อเราปฏิบัติไปเรื่อยๆ จิตจะบริสุทธิ์ หมดกิเลส ว่างสะอาด บริสุทธิ์ ได้จริงเช่นกันครับ

แต่ต้องเข้าใจว่า สภาวะเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราไปทำให้เป็นแบบนั้นได้ครับ

สภาพเช่นนั้นเป็นผลจากการสร้างเหตุ ลงมือปฏิบัติตามหลักที่ผมสอนเอาไว้ และใช้ชีวิตไปในทางขัดเกลากิเลส ไม่ใช่ตามใจตามกิเลส

แล้วผลลัพธ์ ของการอยู่ในเส้นทางนี้ จะถอนรากถอนโคนกิเลส อาสวะ ไปจนถึงอวิชชา จนหมดสิ้นเองครับ

เพราะงั้น อย่าเข้าใจผิด
ไปทำจิตให้ว่าง ให้โปร่งให้โล่ง
หรือให้เป็นแบบไหนๆก็ตามที
ที่เราเชื่อตามความคิดเราว่าดี
จนหาวิธีจะไปทำให้จิตเป็นงั้นเป็นงี้

ว่างในศาสนาพุทธ ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลยนะครับ

หลวงปู่มั่นท่านเคยเทศน์ไว้
มี ไม่มี นี่เป็นธรรมที่ล้ำลึก

นักปฏิบัติตกม้าตายกันง่ายๆ เวลาลืมหลักปฏิบัติครับ

A: ขอบพระคุณคะอาจารย์