บุญ กุศล

ชีวิตของเราทุกคนนั้นอาศัยบุญ เสมือนเป็นน้ำมันหล่อลื่น ให้ชีวิตราบรื่น ปลอดภัย ไปไหน ทำอะไร ก็ไม่ติดขัดมาก แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กรรม

ส่วนการที่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะบรรลุธรรมขึ้นมาได้ เราต้องอาศัยการบำเพ็ญเพียรทางจิต

นั่นคือ การทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว หรือ ปกติ 

ขณะที่จิตใจปกติ นั้นเป็นสภาวะว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน ว่างจากความคิดปรุงแต่งทั้งหลาย ขณะนั้น เรียก กุศล

และนี่คือกุญแจสำคัญ หากเราต้องการบรรลุธรรม เราต้องรู้จักการปฏิบัติที่ถูกต้อง เราต้องรู้อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นกุศล

คนที่มีบุญ แต่ไม่รู้ทางที่ทำให้กุศลเจริญได้ ชีวิตก็เป็นหมัน 

ชีวิตที่มีบุญ แต่ไม่มีกุศล แม้จะมีบุญมากเท่าไหร่ แม้จะเป็นถึงพระเจ้าจักรพรรดิ รวยล้นฟ้า เต็มไปด้วยอำนาจวาสนาก็ตาม แต่หากไม่ได้เจริญกุศล ชีวิตก็เป็นหมันเช่นกัน

กลับกัน คนรู้ทางเจริญกุศล แต่ไม่มีบุญ ชีวิตก็อาจจะลำบากหน่อย แต่เข้าใจความจริงของชีวิตได้ ท่านก็ไม่ทุกข์

พวกเราเหล่านักปฏิบัติ ควรจะเข้าใจ บุญ กุศล ให้ถูก 

เราจะได้รู้ว่า การสร้างเหตุแบบใด จะได้ผลแบบใด 

เมื่อเราเข้าใจความจริงมากขึ้น หางเสือนำพาชีวิตเราก็เที่ยงตรงขึ้น

มิจฉาทิฏฐิ ความเชื่อผิดๆ ที่เราคิดเอาเองบ่อยๆ ก็จะค่อยๆจางคลายลง

จงออกมาจากความคิด 

ออกมาจากความเชื่อในความคิดตัวเอง 

วางความรู้ทั้งหลายที่แบก 

วางตู้พระไตรปิฎกลง 

เหลือเพียง ความรู้สึกตัว ล้วนๆ ถ้วนๆ 

แล้วรู้จักสภาพเดิมแท้ที่มีอยู่แล้ว 

สภาพปกติที่มีอยู่แล้ว ที่เราหลงลืมมันไป ที่เราไม่เคยใส่ใจมัน

แล้วทางเดินแห่งกุศลจะเริ่มขึ้นได้จริง

เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้แล้ว เราจะเลิกเพ้อพก ว่าเราบุญไม่พอ บุญเราน้อยกว่าเค้า 

เพราะเรารู้แล้วว่า ที่เรายังไม่ไปถึงไหน เพราะเราสร้างเหตุไม่ถูก ผลเลยมาไม่ถึงซักที

ดังนั้น เมื่อพวกเรา มีบุญแล้ว หากต้องการพ้นทุกข์ เราต้องหมั่นเจริญกุศล 

ด้วยความรู้สึกตัว 

พ้นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่ง 

รู้จักสภาพเดิมแท้ของใจ สภาพว่าง สภาพปกติ

Camouflage