โยนิโสมนสิการ

พุทธบริษัททั้งหลาย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ เป็นผู้แสวงหาหนทางที่จะเข้าถึงความหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีโยนิโสมนสิการหรือความแยบคายในการปฏิบัติ หรือ ภาษาง่ายๆคือรู้จักสังเกตว่าการปฏิบัติของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร มีความก้าวหน้าจริงหรือไม่ หรือจริงๆแล้วปฏิบัติมานานก็ยังเหมือนเดิม

ในโลกของนักปฏิบัตินั้น เราทั้งหลายจะพบว่ามีคำสอนมากมายในวิธีการปฏิบัติ เพื่อจะเข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นโดยสมบูรณ์ 

คำสอนที่แตกแขนงออกมากมายหลายวิธีนั้น เป็นไปตามแต่ประสบการณ์ของผู้สอนซึ่งล้วนอ้างอิงความถูกต้องไปกับตำราหรือคำสอนของพระพุทธองค์ หรือแม้แต่ไม่อ้างอิงเลยก็มีเช่นกัน 

แต่ในจุดนี้การไม่อ้างอิงไม่ใช่แปลว่าคำสอนนั้นไม่ถูก หรือทำไปแล้วจะไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ หากแต่การไม่อ้างอิงตำรานั้นเป็นเพราะตำราจะกลับกลายตัวขวางกั้นการไปสู่สิ่งสูงสุดสิ่งนั้นในที่สุด

ที่เล่าแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าใครผิดใครถูก หากแต่เป็นการสื่อสารให้นักปฏิบัติทั้งหลายเข้าใจว่าโลกของวิธีปฏิบัตินั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนจะเข้าถึง

ทีนี้จุดสำคัญที่นักปฏิบัติจะต้องรู้คือ เมื่อเราเลือกใช้วิธีไหนไปแล้ว เราก็ควรจะรู้จักสังเกตุ ว่าปฏิบัติไปแล้วเป็นอย่างไร จิตใจเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีความก้าวหน้าอย่างไร มีความเป็นปกติของจิตใจมากขึ้นหรือไม่ หรือกิเลสมาก็ยังพลุ่งพล่านเหมือนเดิม กิเลสดับไปด้วยการข่มเอาไว้ หรือดับไปด้วยปัญญาญาน เหล่านี้เป็นต้น และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าโยนิโสมนสิการ

พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่า ผลของการปฏิบัตินั้นต้องไม่เนิ่นช้านั่นหมายถึง นักปฏิบัติทั้งหลาย หากได้ลงมือปฏิบัติมา นมนานกาเล เป็นสิบปี ยี่สิบปี แต่ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยังไม่เข้าถึงสัจธรรมที่แท้จริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็ควรที่จะระลึกขึ้นมาเตือนตัวเองว่า ทางที่เดินอยู่นั้นเหมาะสมกับตัวเองหรือยัง ทั้งนี้เป็นไปเพื่อไม่ให้ตัวเองหลงติดอยู่และปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ได้ตื่นตัวที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย

ดังที่พระพุทธเจ้าท่านเคยอุปมา ชายคนหนึ่งมีความต้องการจะกินนมวัว ครั้นเมื่อเจอวัว ก็รีบเข้าไปรีดนมที่เขาวัว ไม่ว่าจะรีดด้วยความเพียร ความอุตสาหะแค่ไหนก็ไม่มีวันที่จะสำเร็จได้ดังเป้าหมายที่ตั้งไว้

แต่ครั้นมีชายอีกคนหนึ่ง แม้ไม่ได้ตั้งใจจะกินนมวัว หากแต่เข้าไปถูกที่ถูกทางคือที่เต้านมวัวแล้วรีดออกมา ก็ย่อมต้องได้นมวัวเป็นแน่แท้

บทความนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อให้นักปฏิบัติทั้งหลายตื่นตระหนก หรือ สงสัย หากแต่ใช้เป็นการเตือนตนให้พร้อมที่จะเปิดโอกาสรับสิ่งใหม่ๆเข้ามา เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ตัวท่านเอง และหากสิ่งใหม่นั้นไม่ใช่ทาง ท่านก็จะรู้ได้เอง และหากเป็นทางที่เหมาะกับท่านมันก็จะเป็นคุณอนันต์เลยทีเดียว

และนี่คือความสำคัญในแง่หนึ่งของโยนิโสมนสิการที่นักปฏิบัติควรจะมี

Camouflage