160. วิถีชีวิตใหม่ : 6 สติปัฏฐาน 4…ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง

ตอนที่ 1 ทางสายเดียว

เช้านี้เราตื่นขึ้นมา เรามีวิถีชีวิตใหม่หรือยัง? หรือตื่นขึ้นมาก็พรวดพราดไปแปรงฟันเข้าห้องน้ำ ไม่รู้สึกตัว ไม่รู้สึกร่างกายกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ไม่หันมาดูจิตใจว่าเป็นยังไง สำรวจตัวเองว่าเรามีวิถีชีวิตใหม่หรือยัง?

ทุกๆ เช้าที่เราตื่นขึ้นมา สังเกตจิตใจไม่เหมือนกัน บางวันตื่นมาจิตใจก็เศร้าหมอง บางวันตื่นมาจิตใจก็สดชื่น กระฉับกระเฉง เพราะฉะนั้น แต่ละวันถ้าเราเริ่มที่จะเรียนรู้ เราจะรู้ว่าจิตใจนี้แสดงอาการ อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ไม่เหมือนกัน พอแต่ละวันเราเริ่มสังเกตว่ามันไม่เหมือนกัน ในแต่ละเวลาเราจะเริ่มสังเกตได้ว่ามันไม่เหมือนกัน พอเราสังเกตมากเข้าเราจะรู้สึกได้ว่ามันทำของมันเอง หรือว่ามีเหตุอย่างนี้ก็ทำให้จิตใจเกิดผลอย่างนี้ เราจะเริ่มเข้าใจเรื่องของเหตุปัจจัย ไม่เกี่ยวกับเรา

เวลาคนมาด่าเรา เราเป็นคนดีและเป็นนักปฏิบัติธรรม เราก็ไม่อยากโกรธหรอก แต่มันโกรธ คุมได้ไหม บังคับให้เป็นอย่างที่ใจอยากได้ไหม เราอยากจะเป็นคนไม่โกรธเลย เพราะว่าการไม่โกรธนั้นมันไม่ทุกข์ แต่ก็ทำไม่ได้

ตอนที่พระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ บางคนก็ไปกดข่มความโกรธเอาไว้ กดข่มทุกอารมณ์ความรู้สึก บังคับเอาไว้ไม่ให้รู้สึกอะไร…กลายเป็นซอมบี้ แล้วก็นึกว่าตัวเองไม่โกรธ เพราะฉะนั้น มีคนที่พยายามจะไปสู่ความพ้นทุกข์ ความพ้นจากกิเลส ความหมดกิเลส ความดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสมากมายก่อนพระพุทธเจ้าองค์นี้ เขาเหล่านั้นทำทุกวิถีทางที่ผิด และวิถีทางที่ผิดนั้นก็เจือปนอยู่ในศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา

คำสอนที่เจือปนอยู่ในศาสนาพุทธนี้มีเยอะ วิถีทางที่พุทธเจ้าสอนไว้ เป็นเส้นทางที่ชื่อว่า “การเจริญสติปัฏฐาน 4” เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะนำพาเราทุกคนไปสู่ความพ้นทุกข์ ถ้ามีใครมาสอนเราให้ทำอย่างอื่น เราต้องรู้จักคิด รู้จักพิจารณา อย่าเป็นคนโง่งมงาย

 

ตอนที่ 2 ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง

มีคนเคยสงสัยท่านพุทธทาสสอนว่า “จงทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง” พวกเราก็อ่านกันแค่นี้แหละ อ่านเกิน 8 บรรทัดไม่ได้…เหนื่อย…เราก็เลยมึนไปทำให้จิตมันว่าง นึกว่านี่เป็นทาง มันก็เรื่องเดียวกับการที่เรากดข่มกิเลสนั่นแหละ…ไปคนละทางแค่นั้นเอง

ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง ความหมายว่า ว่างจากความเป็นตัวเรา ของเรา ไม่ใช่ว่างเปล่า ไม่ใช่ทำให้มันว่างไม่มีอะไรเลย ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง คือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในจิตนี้ก็รับรู้มันเฉยๆ ว่างจากความเป็นตัวเรา ของเรา ว่างจากความเห็นผิดว่าอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นตัวเรา เป็นของเรา ไม่ใช่ให้มันว่างเปล่า ไม่ใช่คอยทำให้มันไม่มีอะไร ถ้าเราคอยทำอย่างนั้น เขาเรียกว่า การปรุงแต่งความว่าง จิตใจนี้มีการปรุงแต่งอยู่ 3 อย่าง คือ ปรุงดี ปรุงชั่ว และปรุงว่างๆ ทั้งหมดคือ “ความปรุงแต่ง

เพราะฉะนั้น ฟังธรรมต้องฟังให้ดี ถ้าฟังไม่เป็นก็เรียนสติปัฏฐาน 4 ให้ดี และรู้ไว้ว่ามันเป็นเส้นทางเดียวที่จะนำเราทุกคนไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ย่นย่อลงมาคือ “การรู้กายอย่างที่กายมันเป็น รู้จิตใจอย่างที่จิตใจนี้มันเป็น” เรารู้สึกร่างกายเป็นกันแล้ว มีอยู่ทนโท่ นั่งอยู่อย่างนี้

รู้สึกจิตใจเป็นยังไง? รู้สึกได้ 2 แบบ คือ จิตใจทําหน้าที่ปรุงแต่งอารมณ์ ปรุงแต่งความรู้สึกต่างๆ เมื่อจิตใจมีการปรุงแต่งอารมณ์เกิดขึ้นแล้วก็รู้ เนี่ยเรียกว่า รู้จิตใจ อีกแบบนึงคือ เห็นพฤติกรรมของมัน เดี๋ยวมันก็วิ่งไปคิด เดี๋ยวมันก็วิ่งไปดู เดี๋ยวมันก็วิ่งมาฟัง เดี๋ยวมันก็หลงไปนี่ เดี๋ยวมันก็หลงไปนั่น… ลืมตัว อย่างนี้ก็เรียกว่าดูจิตใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมมันก็มีแค่นี้แหละ ย่นย่อมาเรียกว่าดูกายดูจิต ก็ดูอยู่ประมาณนี้ ผมก็ทำอยู่แค่นี้เหมือนกัน

เมื่อก่อนอ่านท่านพุทธทาส ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง ผมทำไม่เป็นหรอก เพราะไม่ได้เข้าใจว่ามันคือสติปัฏฐาน 4 จะทำไงให้มันว่าง มันวุ่นจะตาย คนทำได้นี่นับถือเลย…เก่ง แต่คนที่ทำได้เก่งๆ พ้นทุกข์ไม่ได้ ตัวตนมันเยอะ ทำได้ทุกอย่าง เวลาทำได้ก็มีความสุขนะ ทำอะไรได้สำเร็จเนี่ยมันมีความสุข คนเราประสบความสำเร็จมีความสุขไหม…มี แต่แค่รู้เนี่ยมันไม่ได้อะไร ไม่มีใครได้อะไร มันต่างกันเยอะ กระบวนการที่ถูกต้องไม่มีใครได้อะไร มีแต่ว่าพอยิ่งรู้เป็นอัตโนมัติขึ้นไปขึ้นไป มันเห็นความจริง เห็นแต่ทุกข์จนไม่อยากจะรู้เลย แต่มันก็เลิกรู้ไม่ได้ นี่มันคนละหน้าของชีวิตการปฏิบัติธรรมเลย คนละประสบการณ์ คนละความรู้สึกเลย

ถ้าเราปฏิบัติธรรมไปมากขึ้นมากขึ้น เราจะเห็นทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ ความสุขก็เริ่มเลือนหายจากชีวิตเราไป แต่เราจะได้ความสุขแบบใหม่… สุขจากการรู้…รู้เท่าทันสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกายและจิตนี้ เราจะรู้สึกมีความสุขจากความรู้สึกว่าเราไม่ตกเป็นทาสของมันแล้ว เรารู้เท่าทันมันแล้ว

เพราะฉะนั้น หมดจากคอร์สนี้ไป ผมหวังว่าเราทุกคนจะไม่มีใครปฏิบัติผิดๆ อีกแล้ว เข้าใจการปฏิบัติผิดๆอีกแล้ว ปฏิบัติยังไม่ดีไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมันต้องใช้เวลา แต่ถ้าปฏิบัติยังไม่ถูกหรือยังเข้าใจอะไรผิดเนี่ยปัญหาใหญ่

คนโบราณเขามีคำต่อว่าเจ็บแสบว่า ถ้าโง่แล้วอย่าเพิ่งขยัน คนไทยโบราณก็เข้าใจคิดคำนะ อะไรที่มันสำคัญๆ กับชีวิตเราเนี่ยมีภาษาแปลกๆเยอะ เช่น ปากดีนะมึง! ปากดีในบริบทแบบนี้แปลว่าไม่ดี แต่สังเกตมีแต่ปากนะที่เวลาพูดปากดีแปลว่าไม่ดี หูดี ตาดี จมูกดี ความหมายคือดีหมด แต่ถ้าปากดีเนี่ยแปลว่าไม่ดี เพราะอะไร? เพราะปากนี่สำคัญ คนเราทะเลาะกันก็เพราะปากนี่แหละ คนเราตีกันก็เพราะปากนี่แหละ พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะมีสี!

 

 

ตอนที่ 3 เปลี่ยนชีวิตตัวเอง

ครูบาอาจารย์มีหน้าที่อย่างหนึ่งที่ไม่มีใครอยากรับหรอก คือต้องนั่งสมาธิกับลูกศิษย์ที่เขาพร้อมจะโกรธตลอดเวลา นั่งเลยเวลาหนึ่งชั่วโมงไปนิดนึงก็ไม่พอใจแล้ว ปวดเมื่อย ผมยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าผมก็ปวดเมื่อยเหมือนกัน เท่ากัน ไม่ต้องคิดว่าผมจะดีกว่า

พอผมเงียบ เราก็กลับไปอยู่ที่ตัวเอง สำรวจสังเกตจิตใจเป็นยังไง เราหมั่นทำแบบนี้ ทำให้เป็นนิสัย ทำให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ แล้วก็แค่รับรู้ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ใช่ว่ากลับไปสังเกตจิตใจ แล้วพอมันกำลังแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องไม่ดี ก็จะไปแก้ไขจัดการ ไม่ใช่แบบนั้น ดูมันเฉยๆ ว่า อ๋อ ตอนนี้มันปรุงแต่งแบบนี้

เราต้องการดูลึกลงไปถึงความจริงว่า มันจะเปลี่ยนแปลง หรือมันบีบคั้น จนเราเห็นว่ามันดับไป เราไม่ได้ทำอะไร มันดับเอง หมดเหตุก็ดับ มีเหตุก็เกิด เกิดตามกิเลสที่เรามีที่ยังเหลืออยู่ จิตใจที่เหลือเชื้ออะไรมันก็ปรุงอย่างนั้นแหละ เหมือนเราทำอาหาร เรามีน้ำปลาอย่างเดียวมันก็ต้องเค็ม ไม่เค็มไม่ได้ เพราะฉะนั้น การปรุงแต่งของจิตเป็นตัวแสดงว่า จิตใจนี้ยังเหลือเชื้ออะไร ไม่ใช่ไปแก้ไขมัน ให้เรารู้ว่างานที่ต้องทำยังไม่จบ กิจที่ต้องทำยังไม่จบ

ผมอยากให้ทุกคนนำชีวิตที่เราได้ใช้ในคอร์สนี้กลับไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราเองด้วย บังคับตัวเองให้ตื่นขึ้นมา ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ทุกเช้าที่เราปลุกตัวเองขึ้นมาในเวลา 04:00 น. ไม่ไหวก็ 05:00 น. เริ่มต้นชีวิตวันใหม่ด้วยการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ชีวิตเราจะเปลี่ยน เราจะมีธรรมะเป็นเครื่องช่วยนำทางเราในแต่ละวันตั้งแต่เช้า แล้วเราก็ค่อยๆ ฝึกสติ เจริญสติขึ้นมาในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อทำงานเสร็จแล้ว กลับบ้านก็ต้องแบ่งเวลา ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมแล้วก็นอน ใช้เวลาให้เหมือนอยู่ที่นี่มากที่สุด ลองคิดดูว่าถ้าเรามีวินัย เราได้รับธรรมะรับอรุณแบบนี้ ธรรมะส่งเข้านอนแบบนี้ ชีวิตเราจะดีแค่ไหน เพราะฉะนั้น เปลี่ยนชีวิตตัวเอง นำพาตัวเองไปสู่วิถีชีวิตใหม่ให้ได้

เรามีโอกาสไม่มากหรอกที่จะได้ฟังธรรมปฏิบัติธรรม มีครูบาอาจารย์มานั่งเทศน์นั่งบอกเราแบบนี้ ชีวิตนึงเรามีโอกาสไม่กี่ครั้งหรอก ใช้โอกาสอย่างคุ้มค่า ถ้ามีเวลาก็เข้าวัดไม่ใช่ไปเที่ยว ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์คิดไปเที่ยวอย่างเดียว มันไม่ทำให้ชีวิตเจริญขึ้น เสาร์อาทิตย์เราอาศัยใช้เวลาเข้าวัดทำบุญ ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ หาครูบาอาจารย์ มันไม่ใช่ได้แค่สิ่งที่เราเห็นหรือสิ่งที่เราคิดหรอก ยังมีสิ่งที่เราไม่เห็น แต่เราไม่รู้ว่าเราได้รับอะไรบ้าง สิ่งที่เราไม่เห็นนั่นแหละเป็นสิ่งที่เราหาไม่ได้จากที่อื่น

ระหว่างการปฏิบัติธรรมของพวกเราทุกคน ถ้าตัวเราเองมีกำลังใจไม่พอ เดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก ควบคุมตัวเองไม่ได้ เราต้องรู้จักจัดกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตใหม่ที่จะช่วยเรา ให้เราไม่ออกนอกลู่นอกทาง ให้เราไม่ขี้เกียจ มีคนคอยเตือนเราบอกเรา ให้เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำนี่มันน่าละอายใจ พระพุทธเจ้าเขาเรียกว่ามี “สังฆานุสติ” คือมีพระสงฆ์เป็นอนุสติคอยเตือน มีครูบาอาจารย์อยู่ในใจคอยเตือน เช่น ถ้าเราจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำเนี่ย เดี๋ยวถ้าอาจารย์รู้…เราโดนแน่ ผมก็เคยเป็นเหมือนกัน ก็เคยทำเหมือนกัน มันช่วยเตือนเราได้ดี ถ้าเราเป็นคนเตือนไม่ได้สอนไม่ได้นี่ลำบาก เราจะทำตามใจตัวเองทุกอย่างก็คือตามกิเลสนั่นแหละ

ผมรู้สึกว่าถ้าเราทุกคนมีชีวิตที่เหลือ และปฏิบัติแบบนี้อยู่ที่นี่ทุกวันไปเรื่อยๆ คนเราทุกคนจะพบความพ้นทุกข์ในชีวิตนี้แน่นอน สิ่งที่ผมคิดก็เป็นอุดมคตินะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอก สุดท้ายทุกคนต้องพึ่งตัวเอง ช่วยตัวเอง

มีใครกำลังประมวลผลไหมว่าคือเสียงอะไร…รู้ทัน…รู้ทันว่าไปคิดแล้ว มีใครไม่พอใจไหม เสียงดังก็รู้ทัน รู้ทันว่าความไม่พอใจเกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องทำอะไร มีใครประมวลผลเสร็จแล้วว่าอาหารมาแล้ว เมื่อไหร่จะได้ไปกินสักที…ก็รู้ทัน รู้ทันในมุมที่เราต้องเห็นมันลงไปว่ามันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่เรา มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา เมื่อกี้นี้ไม่มี แต่ตอนนี้มี เห็นมันเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ไม่ใช่เรา พิจารณาดูมัน มันแสดงอะไร มันมีลีลาแบบไหน ไม่ใช่คอยไปรังเกียจมัน ถ้าไม่ดี…ไม่เอา ปฏิเสธมัน ที่ทำแบบนี้เพราะคิดเป็นของเรา อะไรเกิดขึ้นไม่ดีเป็นของเรา พอเป็นของเราก็เลยต้องไม่เอาเพราะมันไม่ดี ทางที่ผิดมันมีเยอะ เพราะฉะนั้น ฟังให้ดี ผมจะไม่สอนอะไรที่เกือบถูก เข้าใจไหมเกือบถูก

 

02-12-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/Pu0N25lEYEg

คอร์สปฏิบัติธรรมวิถีชีวิตใหม่ 30 พย – 4 ธค 2562

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://lin.ee/hHJprqr

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
https://camouflagetalk.podbean.com/