317.ชีวิตที่แท้จริง…ไม่ได้มาง่ายๆ

 

ชีวิตที่เป็นจริงนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่เราทุกคนซึ่งกำลังแสวงหาความจริง จะต้องมีให้ได้ และมันไม่ได้มีด้วยการฝึกปฏิบัติอะไรทั้งนั้น

แต่มันมีด้วยการที่มนุษย์คนนึงสงสัยทุกอย่างที่ตัวเองกำลังจะไปทำ สงสัยทุกอย่างที่มนุษย์ สังคม และตัวเราเอง ให้การยอมรับและเชื่อถือ

ถ้าเราไม่เคยเริ่มชีวิตแบบนี้เลย หรือมีแต่น้อยมาก แทบจะจำไม่ได้ว่าเคยทำแบบนั้น นั่นแปลว่า เรายังไม่เคยมีชีวิตที่แท้จริงเลย และเราไม่มีโอกาสจะไปถึงที่นั่น

และนั่นหมายความว่า เราคือคนที่ยังไม่มีปัญญาในการนำชีวิตนี้

ถ้าเราไม่มีปัญญาในการนำชีวิตนี้ และยังหลงผิด มั่นใจในตัวเอง ว่าตัวเองรู้แล้ว นี่คือปัญหาที่หนักที่สุด

ผมไม่สามารถจะบอกนิยามของการมีชีวิตที่แท้จริง ว่าคืออะไรได้ เพราะสิ่งที่ผมพูดถึงนั้น พูดถึงไม่ได้

แต่สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือ ถ้าใครสักคนนึงเข้ามาหาผม ต้องการคำแนะนำบางอย่างจากผม เช่น เขาควรไปทำแบบนี้ไหม เขาควรไม่ทำแบบนั้นไหม เขาคิดอย่างนี้ถูกไหม ผมจะบอกสิ่งเหล่านั้นให้กับคนที่เข้ามาหาผมนั้นได้ ว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง

และเมื่อคนคนนึงได้รู้จักสิ่งที่เขาคิดอยู่ทั้งหมด เชื่ออยู่ทั้งหมด ว่ามันยังไม่ใช่ คนคนนั้นมีโอกาส…มีโอกาสที่จะเริ่มรู้จักว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง

เราจะแจ่มแจ้งว่าอะไรจริง
เราต้องรู้จักว่ามันไม่จริงยังไง
ไม่ใช่การแสวงหาความจริง

แต่ต้องแจ่มแจ้งกับความลวงหลอกทั้งหมด ที่หล่อหลอมชีวิตของเราขึ้นมาตั้งแต่เด็กจนโต

สังคม การเมือง ศาสนา ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวสมองของเรา เราต้องแจ่มแจ้งกับมันทั้งหมด ไม่ใช่แค่ ทำตาม ๆ กันไป

คนไม่ดี เราก็เรียกว่า ทำตามกิเลส…กิเลสฝ่ายชั่ว คนดีก็ทำตามกิเลส ฝ่ายสีขาว ในอภิธรรมท่านจะอธิบายว่า ทั้งสองอย่างนี้คือ “มาร

แต่เพราะเราไม่แจ่มแจ้งในสิ่งทั้งหมดที่ประกอบเป็นเราขึ้นมา เราจึงถูกมารหลอกอยู่เสมอ และมารที่ฉลาดที่สุด คือ ดี

คนดี ถ้าใครชวนไปทำเรื่องดี ๆ เขาจะไปทันที เขาจะไม่สงสัยอะไร เขาจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองขณะนี้ เขาจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่กำลังจะไปทำตามที่เพื่อนบอก เขาจะไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น

เหตุผลที่คนคนนึงไม่สงสัยอะไรเลย นอกจากไม่มีปัญญาแล้ว แต่ด้วยเพราะสิ่งนั้นมันดี คุณสมบัติของมันนั้นไม่มีความน่าสงสัยในคนไม่มีปัญญา

และถ้าเราแจ่มแจ้งในดี ในไม่ดี ชีวิตจะเริ่มเป็นจริงขึ้นมา เป็นชีวิตที่อยู่เหนือดีเหนือชั่ว เหนือถูกเหนือผิด ชีวิตแบบนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่คนคนนึง จะเรียกตัวเองว่า “บรรลุธรรม

ถ้าไม่มีชีวิตแบบนี้ ความหวังที่จะบอกว่าเราจะบรรลุธรรมนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องหวังเรื่องแบบนั้นเลย

เมื่อชีวิตนั้นอยู่เหนือดีเหนือชั่ว เหนือถูกเหนือผิด ชีวิตจะเหลืออะไร?

เหลือแค่คุณสมบัติอันสำคัญที่สุดต่อชีวิตนี้ คือ ความใส่ใจ

ความใส่ใจต่อทุกกิจกรรม ทุกย่างก้าว ของชีวิตนี้ ที่จะทำอะไร ในแต่ละวัน ในแต่ละเวลา

ความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง ความใส่ใจอย่างถึงรากถึงโคน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยก็ตามที

เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เป็นจริง จึงเป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้คนคนนึง มีคุณสมบัติที่หลงเหลือในชีวิตนี้ เพียงแค่อย่างเดียวคือ ความใส่ใจต่อชีวิตนี้

ไม่ใช่วัน ๆ คิดว่า จะไปทำอะไรดี หรือคิดว่าชีวิตนี้ดีจังเลย เราเกิดมามีบุญนะ เจอแต่เรื่องดี ๆ มีแต่เพื่อนดี ๆ

เราจะไม่ได้คิดถึงชีวิตในเชิงแบบนั้น มันคงเหลือแค่ความใส่ใจต่อทุกขณะของชีวิตแค่นั้น

พอฟังว่า “ทุกขณะ” บางทีเราคิดว่า เห็นจิตเกิดดับ ว่องไว รวดเร็ว เปลี่ยนแปลง นี่เราก็เพ้อเจ้อไปแบบนั้นได้เหมือนกัน

แต่คำว่า ทุกขณะ ผมหมายถึง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ในแต่ละวัน ทุกความคิด ทุกการชี้นำ ของความคิด ของกิเลส ของความเชื่อ ใส่ใจต่อมันอย่างสุดซึ้ง ว่ามันคืออะไรกันแน่ ไม่ใช่พรวดพราดไปทำ ตามความหลงผิด แบบที่เคยทำมาทั้งชีวิต

ถ้าเรามีชีวิตที่แท้จริง
เราจะไม่ใช่ทั้งคนดี ไม่ใช่ทั้งคนไม่ดี
เราจะเป็นคนจริง

และความเป็นคนจริงนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

และถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้ เราจะมีโอกาส ที่วันนึงชีวิตนี้จะพลิก เราจะได้รู้จักความเป็นคนจริง ที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ

ความเป็นคนจริงนั้น เป็นชีวิตที่พ้นจากทุกความเชื่อ ชีวิตที่ไม่สนใจเรื่องราวงมงายทั้งหลาย พิธีกรรม ความศักดิ์สิทธิ์ รูปแบบประเพณี วัฒนธรรม

มันคือชีวิตใหม่ ชีวิตที่กระบวนทัศน์ในการมองโลก มองชีวิตทั้งหมดของตัวเอง เปลี่ยนใหม่หมด เหมือนคนเกิดใหม่

มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นลักษณะของค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง จากการฝึกอะไรบางอย่าง

มันเป็นความฉับพลัน

และผลของมันนั้น เราจะไม่มีไอเดียว่ามันเกิดขึ้นจาก…เพราะเราฝึกมาแบบนี้ เพราะเราสะสม สั่งสม สิ่งต่าง ๆ ความรู้ต่าง ๆ ในอดีต ไม่ว่าสภาวะอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับเรา เช่น เราเคยเห็นโลกนี้ว่างจากความเป็นคน ไม่มีใคร เราจะไม่มีไอเดียเหล่านั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นจากอดีต

ความรู้ทั้งหมดที่เราเก็บมันเอาไว้ในสมองของเรา
ความเชื่อทั้งหมดที่เราเก็บไว้ในสมองของเรา
คุณค่าทั้งหลายที่เราเก็บไว้ในสมองของเรา
ทั้งหมดนั้น คือตัวขวางกั้นโอกาสในการพลิกชีวิต

เพราะฉะนั้น การที่คนคนนึงจะสามารถมีชีวิตจริง ๆ ได้ คือ ต้องมีความใส่ใจและสงสัย ต่อข้อมูลความเชื่อทั้งหมดที่มนุษย์และตัวเราเองให้การยอมรับ และให้คุณค่ากับมัน และเก็บมันไว้อยู่ข้างในสมอง และในใจนี้

ถ้าเราไม่เคยทำแบบนี้เลย นี่คือตัวแสดงอันหนึ่ง ที่บอกว่าชีวิตเราไม่เคยจริงเลย

และการที่คนคนนึงจะสามารถล้วงลึก ลงลึก ไปในความเชื่อของตัวเองทั้งหมดได้ คุณสมบัติสำคัญมากที่สุดที่ต้องมี คือ ความเด็ดเดี่ยว

เพราะความเชื่อทั้งหมดคือ ตัวแทนของอัตตา คือตัวแทนของกู

การจะทำลายความเชื่อ หรือแจ่มแจ้งต่อสิ่งที่ตัวเองเคยเชื่อทั้งหมดนั้น คือ การฆ่าตัวกู

และถ้าเราไม่เด็ดเดี่ยวพอ ไม่มีคุณสมบัติที่เรียกว่าเด็ดเดี่ยว เราไม่มีวันลงลึกไปถึงที่สุดของมัน

เราจะเหลือมันเอาไว้ เราอยากจะเหลือสิ่งที่เราเชื่อเอาไว้ เพราะมันสบายใจ เราชอบแบบนั้น เราชอบความเป็นเรา เราชอบความที่เราได้เป็นคนแบบนี้ คนที่เชื่อแบบนี้ เราชอบตัวเอง เข้าใจไหม?

และถ้าเรามีความเด็ดเดี่ยวนี้ ความเด็ดเดี่ยวนี้จะแผ่ขยายออกมา ขยายมาจนเราสามารถจะเลือกชีวิตที่เป็นจริงได้

เหมือนผมเคยบอกทุกคนว่า ผมออกมาจากบ้าน ไม่ได้ต้องการออกมาปฏิบัติธรรม ผมออกมา เพื่อจะมีชีวิตจริงๆ

และคำคำนี้ คำว่า “ชีวิตจริง ๆ” ที่ผมบอกว่ามันอธิบายไม่ได้ แต่ผมบอกได้เลยว่า อะไรไม่จริง

คำ ๆ นี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคนได้ คุณสมบัติที่สำคัญที่สุด ที่เราต้องมี คือ “ความเด็ดเดี่ยว

นี่คือสาเหตุที่ทำไมพระพุทธเจ้า ท่านถึงได้บอกว่า “เราเป็นผู้ออกจากเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว” นั่นคือตัวแทนของความเด็ดเดี่ยว

ผมถึงบอกว่า ชีวิตที่แท้จริง ไม่ได้มีง่ายๆ

ชีวิตที่แท้จริงไม่ได้อาศัยความดี
แต่อาศัยความเด็ดเดี่ยว

และความเด็ดเดี่ยวนี้ เป็นความเด็ดเดี่ยวที่ไม่เคยหวนคืน มีแต่ไปข้างหน้า ไม่มีม้วนกลับ

ดังเช่น เจ้าชายสิทธัตถะออกจากวังมา ชีวิตท่านเด็ดเดี่ยว มีแต่ไปข้างหน้า ไม่เคยม้วนกลับบ้าน

ชีวิตที่เป็นแบบนั้นได้ ไม่ใช่อาศัยการสอนของผม แต่อาศัยความใส่ใจต่อชีวิตนี้ด้วยตัวเราเอง จนความเด็ดเดี่ยวนี้มันเกิดขึ้น และมันทำให้คนคนนึง ไม่สามารถจะม้วนกลับไปที่ที่เดิมได้อีกต่อไป

แต่ถ้าชีวิตมันยังไม่เป็นจริง ความเด็ดเดี่ยวก็ไม่มี หัวใจของชีวิตเดิม ที่เคยเป็นทั้งหมด ก็จะมาครอบครองชีวิตนี้ แล้วก็ทำตามความชอบและความเชื่อของตัวเอง ในแบบเดิม ๆ และกลับไปที่เดิมในที่สุด

Camouflage
17-12-2565

ฟังธรรม : https://youtu.be/DW-PzgWTM08

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/gsnv7s/317.mp3