315.ชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4…แค่นั้น

 

ในชีวิตการปฏิบัติธรรมของเรานั้น ความเห็นผิดเกี่ยวกับว่า “จะทำยังไงดี?…เราถึงจะพ้นทุกข์” จะคอยแทรกเข้ามาในชีวิตเราในแต่ละวันเสมอ ๆ และเมื่อมันเกิดขึ้น เราจะหาทาง เราจะประเมิน เราจะตัดสิน เราจะให้คุณค่ากับสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และดิ้นรน

และทั้งหมดนั้นคือ เรากำลังออกนอกเส้นทางของความจริง

เพราะเมื่อสมมติฐานหรือภาพของตัวเราเกิดขึ้น แล้วเรารู้ไม่ทัน มันจะพาเราหลงทางทันที…ไปอีกนาน

แต่ภาพของเราคนนึงกำลังหาทางที่จะพ้นทุกข์ เป็นภาพที่ได้รับการชื่นชมและยกย่องในหมู่นักปฏิบัติธรรม

เราถูกสอนแต่ในเรื่องให้เราพ้นทุกข์ ทำยังไงเราถึงจะพ้นทุกข์?

เราต้องมีสติ เราต้องมีสมาธิ เราจะได้ไม่เข้าไปเป็นกับการกระทบต่าง ๆ นั้น เราจะได้ไม่ปรุงแต่ง ถ้าเราไม่ปรุงแต่ง เราก็ไม่ทุกข์

ถ้าเรามีสมาธิ เราก็เห็นเฉย ๆ ได้ ถ้าเราเห็นเฉย ๆ ได้ เห็น สักแต่ว่าเห็นได้ เราก็ไม่ทุกข์

ทุกอย่างดูดีหมด แต่ทุกอย่างพุ่งเข้าไปที่ Center สำคัญ คือ Self ของตัวเอง คือ “กู”

เราทำทุกอย่างเพื่อตัวกู และทุกอย่างที่เราทำนั้นมันเป็นหลักธรรม ไม่มีอะไรปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นได้เลย ว่าเราทำอะไรผิด

สิ่งที่เราทำ ไม่ได้ผิด
สิ่งที่ผิด คือ “เรา”

สิ่งที่ผิดคือ เราไม่เห็นภาพของอัตตาที่ถูกสร้างขึ้นมา และภาพของอัตตานั้นได้สร้างเรื่องราวว่า “เราคนนึงทุกข์ และเราคนนี้กำลังอยู่ในเส้นทางนี้ เพื่อจะพ้นทุกข์” เราอยู่ในภาพนั้น

เราอยู่ในภาพนั้น ตั้งแต่เราก้าวเข้ามาในการปฏิบัติธรรม และไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี เราก็ยังอยู่ในภาพนั้น นี่คือ “ความหลง” เรายังไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลย

แล้วการปฏิบัติธรรมคืออะไร?
มันไม่ใช่เรื่องไอเดียของเราคนนึงจะพ้นทุกข์ มันไม่ใช่ไอเดียของคนคนนึงที่จะได้รับความสุข และไม่ใช่ไอเดียของคนคนนึงที่จะได้รับบรมสุข

ไม่ใช่ไอเดียที่เกิดขึ้นจาก Center คือ Self นี้ คือ “กู” นี้

ไอเดียที่เป็นความเห็นผิดทั้งหมดที่ผมบอก มันขยายออกไปจาก “กู” ไม่ว่ามันจะดูดีแค่ไหนก็ตาม มันก็คือ “ความหลง”

ไม่ว่าการมีสติ สมาธิ หรืออะไร ๆ ก็ตามที่เราทำกัน มันอยู่ภายใต้ความครอบงำของ Center อันใหญ่ คือ “กู”

เพราะฉะนั้น เหล่านั้นจะเรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิไม่ได้ มันเป็นแค่ความหลงของคนคนหนึ่งเฉยๆ

เราต้องเข้าใจทั้งหมดที่ผมพูดถึงอันนี้ให้ได้

การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น คือ “การมีชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4” แล้วผมจบแค่นั้น คือการที่คน ๆ นึงมีความสามารถที่จะมีชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 ได้ ไม่มีว่า “แล้วเราจะได้อะไร?” ไม่มี

ถามตัวเองว่า จริง ๆ เราสนใจ “อริยสัจ 4” มั้ย ซึ่งเป็นข้อแรกของอริยมรรคมีองค์ 8 ? เราไม่เคยสนใจเลย เราทำตั้งแต่ข้อ 2 ยันข้อ 8 อย่างดี โดยที่เราไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่า ข้อ 2 ถึงข้อ 8 นั้นเกิดจากข้อ 1 ไม่ใช่เราเข้าไปทำมัน

แต่เราเลือกจะทำข้อ 2 ถึงข้อ 8 อย่างหลับหูหลับตา ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่เราทำแบบนั้น แต่เราทำแบบนั้น

และยอดฮิตที่สุด ก็คือ “สติและสมาธิ” เราพยายามเจริญสติ ตัวเนื้อหาของการเจริญสติปัฏฐาน 4 นั้นไม่ได้ผิดพลาดอะไร แต่ความผิดพลาดนั้นคือ

มันไม่ได้เกิดจากสัมมาทิฏฐิ
มันไม่ได้เกิดจากอริยสัจ 4
มันเกิดจากอัตตาที่เชื่อว่าสิ่งนี้ดี แล้วกูจะทำ

สมาธิก็เหมือนกัน เราไปทำฌาน เราพยายามเข้าฌานให้ได้ เราอยากได้เอกัคคตาจิต เราจะได้จิตที่เป็นหนึ่ง เพื่อจะเห็นสรรพสิ่งในโลกนี้ เกิดขึ้นแล้วก็ดับ เกิดขึ้นแล้วก็ดับ เกิดขึ้นแล้วก็ดับ เห็นมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ทำไม? เพราะเราฟังมาว่า พระโสดาบันคือผู้ที่เห็นความเกิดดับเป็นธรรมดา เห็นสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา เราอยากเป็นพระโสดาบัน

แล้วเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีคนขายสิ่งเหล่านี้ให้กับเรา ขายสติ ขายสมาธิ เราเอา เราทุ่มสุดตัวสุดหัวใจ หรือขายความลำบาก ขายการทรมานตัวเอง ไม่ว่าจะทรมานเยอะ ทรมานน้อย เราเอาหมด เพราะมันจะนำอัตตานี้ คือ “กู” ไปสู่ความพ้นทุกข์ และอย่างน้อยก็ไปสู่ความเป็นพระโสดาบัน กูจะได้ไม่ตกอบาย

และเราอยู่อย่างนั้น เราอยู่อย่างนั้นได้เพราะที่ผมบอกตั้งแต่เริ่มต้นว่า เพราะเรามีสมมติฐานว่า เรามาปฏิบัติธรรม เพื่อเราจะพ้นทุกข์ เราจึงซื้อทุกอย่างที่มีคนบอกเรา ที่มันจะสนองเป้าหมายสำคัญที่สุดในชีวิตของเราในขณะนี้ คือ เราจะพ้นทุกข์

แล้ว “อริยสัจ 4” ธรรมะสำคัญที่สุดที่พระพุทธเจ้าประกาศในวันแรกอยู่ที่ไหนในหัวใจของเรา?

สำหรับพวกเราทุกคนคือ มันอยู่นู่น เป็นเรื่องของตอนที่จะเป็นพระอรหันต์ เราถึงจะแจ่มแจ้งในอริยสัจ 4

เราเอามันไปไว้ท้ายสุด รอก่อน ขอทำอย่างอื่นก่อน

ท่านอุตส่าห์เอาไว้ข้อแรกในอริยมรรคมีองค์ 8 แต่เราละเลย ไม่สนใจมันด้วยซ้ำ เอาไปไว้ท้ายสุด ตอนบรรลุพระอรหันต์

ผมเคยบอกพวกเราทุกคนว่า ชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 นั้นแปลง่าย ๆ คือ การที่เรามีความใส่ใจต่อความทุกข์ แม้ว่าความทุกข์นั้นจะเล็กน้อยก็ตามที พวกเราไม่เป็นอย่างนั้น นักปฏิบัติธรรมเราไม่เป็นแบบนั้น

เราสนใจอะไร? เราสนใจว่า ถ้ามีทุกข์เกิดขึ้น แล้วปล่อยวางได้เร็ว นี่คือ กูเจ๋ง กูไม่ทุกข์แล้ว กูเป็นคนปล่อยวางง่าย กูเป็นคนไม่ยึดติด ถ้าอย่างนั้น เป็นอัลไซเมอร์ก็ได้ ถ้าเป้าหมายของเราอยู่แค่เรื่องของการที่เราไม่ทุกข์ ก็โอเคแล้ว

แต่เราอยู่ที่นั่นกัน เราอยู่ที่ว่า ถ้ามีการกระทบ มีการกระเทือน มีความรู้สึก มีความทุกข์เกิดขึ้น ใครปล่อยวางได้เร็ว ชนะ ใครปล่อยวางได้เร็ว เก่ง

เห็นมั้ยว่าทุกอย่างที่เราทำนั้น ก็คือพุ่งมาที่ Center ก็คือ “กู” ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะดีแค่ไหนก็ตาม มันก็คือ “กู”

แล้วถ้าเราถามตัวเอง ในการปฏิบัติธรรมที่เรามีกระบวนการคิดแบบนี้ ด้วยภายใต้ไอเดียแบบนี้ ตรงไหนของชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4? ถามตัวเองจริง ๆ เราเคยมีชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 มั้ย? แทบจะไม่เคยเลย

เรารู้ว่านี่คือความทุกข์ เรารู้ไหมว่าเหตุแห่งทุกข์คืออะไร? เราไม่รู้

เหมือนที่ผมบอกว่า เราพยายามมีสติ มีสมาธิ เห็นสภาวธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เห็นความเกิดดับของมัน และผมเชื่อว่าเราทุกคนอยากเห็นแบบนั้นให้ได้

เราอยากมีจิตที่เห็นสภาวธรรมเกิดดับได้ เพราะเราได้ยินมาว่า แบบนี้เรียกว่า “วิปัสสนา” เราอยากยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา ทั้งหมดคือ Center คือ “กู” อีกแล้วใช่มั้ย?

“กู” ตัดสินใจแล้วว่า “สิ่งนี้คือดี”
และกูอยากจะได้

แม้ว่าเราจะทำได้ก็ตาม การเห็นสภาวะเกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ ผมถามว่าอริยสัจ 4 อยู่ตรงไหน? เราไม่สนใจกันใช่มั้ย? เพราะว่า…ไม่รู้อ่ะ กูจะเป็นพระโสดาบันก่อน เขาบอกว่าถ้าเห็นเกิด แล้วก็ดับ จะเป็นพระโสดาบันได้ กูเอาแค่นี้ก่อน เห็นไหม…มันหนีไม่พ้น Center คือ “กู” ใช่มั้ย?

ทุกการกระทำ ทุกความคิด ทุกไอเดียของเรา เป็นแค่เกมของอัตตาเฉย ๆ เราอยู่ภายใต้มัน

ผมบอกว่า ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรม คือการค้นพบว่า “ชีวิตนี้เป็นแค่อริยสัจ 4” เป็นการดำเนินชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 แค่นั้น

เลิกไอเดียเกี่ยวกับว่า อ๋อ ถ้าวันนึง เรามีชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 แล้ว วันนึงเราแจ่มแจ้ง แล้วเราจะพ้นทุกข์ใช่มั้ยอาจารย์? ไม่มีไอเดียเหล่านั้น นั่นไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง

แก่นของชีวิต มีแค่ความเป็นอริยสัจ 4 แค่นั้น
ไม่มีใครสักคนนึงได้อะไรจากมัน

และเมื่อมีชีวิตที่เป็นอริยสัจ 4 จะเป็นชีวิตที่เป็น “วิชชา”

วิชชาคืออะไร? คือแจ่มแจ้ง
ชีวิตที่แจ่มแจ้งคืออะไร? คือชีวิตที่ไม่หลง ไม่เห็นผิด ไม่หลงผิด ไม่เข้าใจอะไรผิด ๆ ไม่ถูกมายาของกู หลอกให้ใช้ชีวิตไปในแบบของมัน

เพราะฉะนั้น ชีวิตที่แท้จริง คือ คนคนนึง มีความสามารถที่จะมีชีวิตที่เป็นจริงได้

Camouflage
29-10-2565

ฟังธรรม : https://youtu.be/e3vn6aNeq_s

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/u8dufn/315.mp3