314.อะไรคือความไม่ตื่น

 

ความตื่น คือ การมีชีวิตที่เป็นปัจจุบัน และชีวิตที่เป็นปัจจุบันนั้น เป็นชีวิตที่ไร้เรื่องราว เป็นชีวิตที่มีแค่อาการปรากฏ

ความตื่น คือ การรับรู้อาการในขณะนี้ รับรู้ล้วน ๆ เพียว ๆ แล้วสามารถรู้เหตุของมันได้ว่า อาการที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดในขณะนี้เกิดจากเหตุอะไร

เช่น เพราะความหมายของคำพูดที่กระทบเข้ามาในหูของเรา ทันทีที่มีการรู้ทั้งหมดของขณะนี้ ว่ามันมีที่มาที่ไปเกิดจากอะไร กระบวนการที่เราเรียกว่าความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้น จะจบสิ้นไปอย่างไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่อีกเลย

และที่สำคัญคือ ไม่มีความรู้สึกเลยว่า นี่เราปฏิบัติถูกแล้ว เราดีแล้ว เราเข้าใจแล้วว่าจะต้องเห็นอย่างนี้ แล้วเก็บบทสรุปของประสบการณ์ในครั้งนี้ เตรียมไปใช้กับครั้งหน้า

ความรู้สึกเดียวที่หลงเหลืออยู่คือ ความตื่น ความรู้สึกถึงชีวิตที่ตื่น

การฟังทั้งหมดที่ผมพูด ไม่สามารถจะทำให้ชีวิตของเราตื่นได้ ชีวิตที่เป็นความตื่นนั้นจะต้องเป็นการค้นพบชีวิตนั้นด้วยตัวเราเอง

และการที่ชีวิตจะตื่นขึ้นมาได้อย่างแท้จริงนั้น เราจะต้องทิ้งทั้งหมดที่เป็นทิศทางเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม เพราะทิศทางนั่นเอง คือตัวปิดบังความตื่นของมนุษย์คนหนึ่ง

ทุกวันที่เราอยู่ภายใต้ชีวิตที่ไม่จริง เรามีภาพของชีวิต เราวางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว แผนทั้งหมดนั้นมีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือ “ให้เราปลอดภัย

แต่เราไม่ใช้คำนั้น เรานักปฏิบัติธรรมเราแยบยลกว่านั้น เราใช้คำว่า “เรากำลังอยู่ในทาง เรากำลังไปสู่ความหลุดพ้น

เราใช้คำที่เหนือกว่าคำว่า “จริง ๆ ที่เราทำอย่างนี้ เพราะเรารักตัวเอง เราเห็นแก่ตัว เราแค่ต้องการความปลอดภัยของชีวิตและจิตวิญญาณ แค่นั้น

และทั้งหมดนั้นคือ ของเรา

แล้วชีวิตจริง ๆ เป็นอย่างไร?
ชีวิตที่แท้จริง คือ ชีวิตที่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ผมพูดถึงเมื่อกี้นี้ เป็นชีวิตที่พ้นจากทุกทิศทางที่เราเคยมีต่อชีวิตนี้ และตื่นมาอย่างสดใหม่

เผชิญกับทุกความทุกข์และความสุขที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การกระทบทางความคิด ความปรุงแต่งของเราเอง

เผชิญชีวิตแต่ละขณะอย่างนั้น อย่างไรทิศทาง

ถ้าเราเคยเผชิญกับชีวิตจริง ๆ อย่างที่ผมบอกนี้ เราจะเห็นอย่างชัดเจนว่า ทิศทางทั้งหมดที่เราเคยใช้ต่อชีวิตนี้ ที่เราเรียกว่า “การปฏิบัติธรรม” นั้น ปิดบังความจริงทั้งหมดเอาไว้อย่างแนบเนียน

อย่างน้อยเราจะเห็นความต่างระหว่างชีวิตที่มีทิศทาง กับชีวิตที่กำลังเผชิญความจริงอย่างไม่มีทิศทาง

แล้วความตื่นเกิดขึ้นจากการเผชิญความจริงของชีวิตในแต่ละขณะอย่างไร้ทิศทาง

คำว่า “ไร้ทิศทาง” ที่ผมพูดถึง นั่นคือ “ทิศทางที่แท้จริง

ไม่ใช่ทิศทางที่มีไอเดียสักอย่างหนึ่ง ที่เรารับมาจากใครก็ตาม บอกเราเอาไว้ เพราะความคับแคบของทิศทางที่เป็นไอเดียนั้น มันทำให้ชีวิตนี้ ตื่นขึ้นมาไม่ได้

นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมจึงมีครูบาอาจารย์ เช่น ท่านเว่ยหล่างจึงต้องเอามาบอกชาวโลกว่า “ต้องฉีกตำราทิ้ง

ถ้าไม่มีคนที่เห็นอย่างนี้ ก็ไม่มีใครพูดแบบนี้หรอก และถ้าเขาพูด แล้วไม่มีคนเห็นตามด้วยได้ คำสอนนี้มันคงมาไม่ถึงวันนี้ ใครจะเชื่อเรื่องไม่มีเหตุผลแบบนั้น

เหตุผล คือตำรา คือทฤษฎีที่ดี
ทุกอย่างที่ดี คือเหตุผล

และมนุษย์เราไม่อยากรู้สึกเป็นคนโง่ เราต้องใช้อะไร? ใช้เหตุผล

เพราะฉะนั้น เราต้องเห็นโครงสร้างของความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ว่ามันครอบงำชีวิตมนุษย์คนนึงได้อย่างไร

ชีวิตที่เป็นจริงจะเกิดขึ้นได้ เหมือนที่หนูน้อยได้บอกไว้วันก่อนว่า “ไม่ว่าหนูจะบอกอะไรอาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่าไม่ใช่ทั้งนั้น”

แล้วเมื่อเราพบว่า ทั้งหมดที่เรายึดถือ หรือเราเชื่อ ว่าอะไรควรจะเป็นยังไง มันไม่มีอะไรใช่เลย เราจึงจะค้นพบชีวิตที่แท้จริง

Camouflage
15-10-2565