313.เรายังไม่รู้จัก…ความตื่น

ถ้าผมยกตัวอย่างให้เราพิจารณาว่า เมื่อกิเลสเกิดขึ้น ความอยากเกิดขึ้น ความโกรธเกิดขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราบ้าง? ให้พวกเราลองคิดดูตอนนี้

ทันที เราอาจจะมีไอเดียบางอย่างต่อกิเลสนั้น ต่อความอยากนั้น เช่น เรามีความเป็นนักปฏิบัติธรรมอยู่ เรารู้สึกแย่กับกิเลสที่เกิดขึ้น แล้วเราพยายามจะทำอะไรบางอย่าง

เรามีไอเดียว่า เราจะไม่ทำตามกิเลสนั้น แต่การไม่ทำตามกิเลสนั้น มาจากไอเดียไหนอีกทีนึง?

มันมีอีกความคิดหนึ่งกำลังบอกเราว่า การตามกิเลสนั้น มันไม่ใช่ทาง การตามกิเลสนั้น มันไม่ดี

มันมีไอเดียบางอย่างกำลังบอกเรา กำลังสอนเรา กำลังแนะนำเรา

และหลังจากนั้น เราพยายามทำตามนั้น ทำตามคำแนะนำของอีกความคิดหนึ่ง

และสุดท้ายกิเลสก็ดับไป เพราะมันไม่เที่ยง แล้วเราก็พบว่า นี่คือ “ทาง”

เพราะฉะนั้น ทางทั้งหมดที่เรา “เชื่อว่าคือทาง” เกิดขึ้นจากความคิดเท่านั้น เกิดขึ้นจากความเชื่อ ข้อมูล และมันให้ผลได้จริง

แต่ที่ผมพยายามจะบอกก็คือ เราเห็นชีวิตนั้นอยู่ภายใต้ความครอบงำของความคิด ซ้อนความคิด ซ้อนความคิด ตลอดเวลาไหม? แม้ว่ามันจะดีก็ตาม

การปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหนกันแน่?

…อยู่ที่ความสามารถที่คนคนนึงจะไม่ทำตามกิเลส
…หรือว่าเห็นกิเลสมันดับไป
…หรือว่าคนคนนึงสามารถที่จะเห็นระบบของความคิดทั้งหมดแต่ละอัน ที่คอยควบคุมชีวิตนี้อยู่

และการปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่ อยู่ที่การตื่นขึ้นมาเห็นระบบของความคิดทั้งหมดที่ควบคุมชีวิตนี้อยู่ แม้ว่าระบบความคิดนั้น คือระบบความคิดของการปฏิบัติธรรมก็ตาม

ถ้าเราไม่มีความสามารถที่จะเห็นความซับซ้อนของชีวิต โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความคิด เราจะไม่มีวันที่จะตื่นขึ้นมาเลย เราจะเป็นได้แค่คนดีเฉยๆ

และที่เรารู้กันเสมอว่า คนดีก็คือ คนที่หลอกง่ายที่สุด ไม่ต้องผมบอก ประวัติศาสตร์มนุษยชาติก็บอกอยู่แล้ว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ชาวพุทธเราถูกหลอกง่าย เพราะนิยามของชาวพุทธเรา คือ “คนดี” “ไม่ใช่คนที่ตื่นขึ้นมา” แบบที่พระพุทธเจ้าสอน

เพราะฉะนั้น ไม่มีใครบิดเบือนสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ได้มากเท่าชาวพุทธกันเอง

เราไม่สร้างบรรยากาศของการ ตื่นรู้
เราลุ่มหลงอยู่ในบรรยากาศของ ดี

Camouflage
01-10-2565

ฟังธรรม : https://youtu.be/kFIlAb86CNw

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/kbqec3/313.mp3