294.ถ่องแท้…ทะลุปรุโปร่ง

 

เราต้องมีความแจ่มชัดก่อนว่าอะไร “ไม่ใช่” การปฏิบัติธรรม

ถ้าเรายังคงถูกครอบงำด้วยความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ลองสังเกตดู…มันเป็นไอเดียที่มีเราคนนึงกำลังทำตามไอเดียที่ดีที่สุดในโลกนี้อันนึงที่เราเชื่อ

การที่มีเราคนนึงคอยทำตามไอเดียที่เราเชื่อว่าดีที่สุด จากบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สุด จากตำราที่น่าเชื่อถือที่สุด เราเคยเห็นมั้ยว่ามีเราคนนึงเกิดขึ้น และกำลังทำตามสิ่งนั้นๆ

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการฝึกของเราที่เราเรียกว่าการฝึกปฏิบัติธรรมนั้น อัตตามันจึงไม่เคยหายไปเลย

ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่ผมพูด เราจะรู้ว่ามันไม่เคยหายไป และมันไม่มีวันที่จะหายไป

เพราะมีเราคนนึงรองรับความคิดนั้น มีเราคนนึงสร้างภาพจากไอเดียนั้น มีเราคนนึงกำลังสร้างเส้นทางจากความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมนั้นๆ และทั้งหมดนั้นไม่ใช่การปฏิบัติธรรม

ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง เราต้องรู้จักสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาทั้งหมดก่อนว่า ที่เราเชื่อว่า ใช่นั้น…มันใช่จริงมั้ย?

ถ้าเรายังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดว่ามันคืออะไรกันแน่ ต่อให้เราได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงว่ามันเป็นยังไง มันก็จะเป็นแค่ของจริงกับของปลอมที่คอยผสมกันในชีวิตของเรา จนเราไม่รู้เลยว่าอะไรมันจริง อะไรมันปลอมกันแน่

เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรม คือ ความถ่องแท้ในความเป็นทั้งหมดของชีวิต ความทะลุปรุโปร่งในทุกแง่มุมของชีวิตนี้

และถ้าเราใช้ชีวิตที่เป็นความถ่องแท้และทะลุปรุโปร่งนี้ ชีวิตเราจะเป็นจริง ที่ผมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตจริงๆ…คือแบบนี้

ความทะลุปรุโปร่งของชีวิต ไม่ใช่ความแบ่งแยก มันเป็นเพียงความทะลุปรุโปร่งในแต่ละขณะแค่นั้น และไม่มีการสะสม ไม่มีการเก็บเอาไว้ และไม่มีเพื่ออะไรต่อไปในอนาคต

การจบลงของอัตตานั้น เกิดขึ้นขณะนี้เลย เหลือเพียงความดำรงอยู่อย่างแท้จริงในขณะนี้

ไม่มีความครอบงำของไอเดีย ของความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม

ไม่มีว่าเป็นอย่างนี้…แล้วอนาคตเราจะดีกว่านี้

หรือแม้กระทั่งไม่มีว่าความดำรงอยู่ในขณะนี้…ถูกแล้ว

ไม่มีภาพทั้งหมดต่อชีวิตนี้ในขณะนี้ ไม่มีภาพถัดไปต่อจากขณะนี้ ไม่มีภาพก็หมายถึงไม่มีอัตตามารองรับในแต่ละขณะของชีวิต

และนี่คือคำว่าปัจจุบัน ไม่ใช่เราอยู่กับปัจจุบัน แต่ชีวิตเป็นปัจจุบันอยู่แล้ว

เหมือนผมสรุปให้เสร็จแล้วว่า “ชีวิตนี้เป็นแค่การเห็น” จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่เข้าใจด้วยตัวเองว่า อะไรไม่ใช่การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง…

เราฟังๆ แล้วก็ผ่านๆ ไป แล้วก็ถามอาจารย์ว่า “สรุปว่าทำยังไง?” “อ๋อ ชีวิตเป็นแค่การเห็น” “โอเค ต่อไปนี้เราจะแค่เห็น”

นี่คือความพังพินาศของการปฏิบัติธรรม เพราะการที่เราจะแค่เห็น…ก็คือไอเดียหนึ่งเหมือนเดิม

มันไม่มีไอเดียนั้น ชีวิตมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้ไอเดียในการชี้นำให้มันเป็น เราค้นพบมั้ย? แค่นั้น

เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่การฝึก มันคือการค้นพบ และการค้นพบนั่นหมายถึงความฉับพลัน…ความเข้าใจอย่างฉับพลันต่อชีวิตนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่

ไม่มีใครจะที่สามารถนำพาเรา ที่จะค้นพบความจริงหรือค้นพบสิ่งที่เป็นจริงได้ นอกจากตัวเราเอง
.

ผมอยากให้เห็นโครงสร้างว่าชีวิตเราเก่ายังไง เราใช้ชีวิตจริงๆ ไม่ได้ยังไง เราค้นพบชีวิตจริงๆ ไม่ได้ยังไง ชีวิตเราทำไมไม่ใหม่ซักทีนึง เราอยากจะพ้นจากความครอบงำของกิเลส แต่เรามาถูกสิ่งที่ตรงข้ามกับมันครอบงำแทน

เราต้องรู้จักสิ่งเหล่านี้ที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตจริงๆ ของเรา ถ้าเราไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง เราก็จะไม่มีวันพ้นจากความครอบงำใดๆ ได้เลย

เราเพียงแค่อยู่ในมายาของความครอบงำ และพยายามจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าภายใต้กะลาใบนั้นแค่นั้น

เพราะฉะนั้น เราทุกคนจะต้องทะลุปรุโปร่งต่อชีวิตนี้ ต่อความเป็นทั้งหมดของชีวิตนี้ เราจึงจะสามารถที่จะพ้นจากความครอบงำทั้งปวงได้ พ้นจากความครอบงำไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม

Camouflage
09-04-2565