290.เราเป็นนักปฏิบัติธรรมจริงมั้ย

 

ชีวิตการปฏิบัติธรรมของเราแต่ละคน…เป็นจริงมั้ย?

หรือเป็นแค่…ชีวิตที่มีความทะยานอยาก ที่จะได้รับผัสสะที่น่าพอใจในเส้นทางของการปฏิบัติธรรม?

คำถามที่ผมถาม เป็นสิ่งที่พวกเราต้องพิจารณาให้ชัดเจน

เมื่อเราเลือกจะเป็นบางอย่าง และไม่เอาอีกอย่างหนึ่ง นั่นไม่จริง นั่นเป็นแค่ชีวิตที่ต้องการได้รับผัสสะที่น่าพอใจแค่นั้น

เมื่อเราเชื่อว่าสิ่งที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่น่าพอใจ เราจะเอา และถ้าผัสสะที่ไม่น่าพอใจ เช่นกิเลสเกิดขึ้น เราบอกว่าการปฏิบัติของเราย่ำแย่ ไม่ดี

ผมอยากให้พวกเราเห็นโครงสร้างทั้งหมดที่ผมพยายามจะถ่ายทอดและสื่อสาร ว่าชีวิตเรานั้นมันไม่จริงยังไง ชีวิตการปฏิบัติธรรมของเรานั้นมันจอมปลอมยังไง

เราต้องค้นเข้าไปในใจจริงๆ ค้นไปลึกที่สุดในใจจริงๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่…ในสิ่งที่เราทำ

ไม่อย่างนั้นชีวิตเราจะอยู่ภายใต้มายาภาพที่ขาวสะอาดสดใส และปิดบังเราอยู่อย่างแนบเนียน

ชีวิตการปฏิบัติธรรมของเราเป็นจริงไหม?

หรือเป็นแค่ชีวิตที่ต้องการความปลอดภัย?

ใช่ไหม…ที่เราพยายามแสวงหาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ วิธีการปฏิบัติต่างๆ ความรู้ต่างๆ การประเมินผลต่างๆ ทั้งหมดแท้จริงแล้ว เราแค่ต้องการความปลอดภัย

เราพยายามเป็นคนดีเพราะเรากลัวตกนรก เราสนใจในการทำบุญเพราะเราอยากขึ้นสวรรค์ และเราอยากเป็นพระโสดาบันเพราะเราไม่อยากตกอบาย

นี่คือทั้งหมดที่เราเป็นใช่ไหม?

คำถามผมคือ ชีวิตมันจริงตรงไหน?

แล้วชีวิตจริงๆ นั้นเป็นยังไง?
ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงเป็นยังไง?

คือชีวิตที่เผชิญกับความจริงในขณะนี้ โดยที่ไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย นั่นคืออริยสัจ 4 คือชีวิตแห่งอริยสัจ

เราต้องเผชิญกับขณะนี้โดยที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่มีความคิดที่จะป้องกัน หรือที่จะต้องเผชิญกับมันด้วยกิริยายังไงดี หรือมันควรจะเป็นยังไงดี

และนั่นคือความจริง ความจริงอยู่ที่นี่แล้ว อยู่ที่นี่เลย เราทุกคนมีความจริงอยู่ตลอดเวลา

แต่ความจริงมันถูกพาให้ไปไกลเหลือเกิน บรรยากาศทั้งหมดมันบอกเราแบบนั้นว่าเราจะต้องไปถึงความจริง

ความจริงไม่ต้องไปถึง มันอยู่ที่นี่เลย

เมื่อกิเลสเกิดขึ้น เรามีวิธีการทันทีว่าจะทำยังไงกับมัน…ใช่มั้ย?

บางคนจะทำกรรมฐาน เช่น อสุภกรรมฐาน บางคนมีวิธีอยู่แล้วว่า คอยรู้มัน ดูมัน ไม่เข้าไปเป็นกับมัน

เรามีวิธีอย่างสมบูรณ์แบบซักอย่างหนึ่งที่เราจะทำต่อความจริงในขณะนี้ เรามีวิธีล่วงหน้า…เข้าใจไหม?

แต่การเผชิญกับความจริงของชีวิต บางครั้งเราอาจจะเห็นมันโดยที่ไม่เข้าไปเป็น

เรารับรู้ทั้งหมดนั้นว่า เห็นแล้วไม่เป็น…มันเป็นยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไง

บางครั้งมันเกิดขึ้น เรารู้ แล้วเราก็เป็นไปกับมันด้วย…แล้วมันเป็นยังไง ทั้งหมดนั้นเป็นยังไง เกิดความดิ้นรนยังไงต่อ

เห็นกระบวนการของการต่อสู้ การหนี การคิดวิธี…เห็นทั้งหมดนั้น

เข้าใจกิเลสตัวนั้น เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น…เข้าใจให้มันแจ่มแจ้ง

มีความอยากตามกิเลสนั้น…ทำไม? ค้นลงไป มันต้องการอะไร? เราจะได้อะไร? แล้วมันเป็นยังไง?

ความอยากนั้นถูกสร้างความสืบเนื่องได้ยังไง? มันมีอะไรเกิดขึ้นต่อจาก…เมื่อความอยากเกิดขึ้น มันถึงสร้างความสืบเนื่องได้?

เข้าใจทั้งหมดนี้

ไม่ใช่หนีมัน ไม่ใช่ทำให้มันไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่กลบเกลื่อนมัน

เข้าใจที่ผมพยายามจะบอกไหมว่า นักปฏิบัติธรรมพยายามฝึก…ฝึกอาวุธสักอย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะต่อสู้กับกิเลส แม้ว่าจะเป็นการเห็นมันก็ตาม แม้จะเป็นการแค่รู้แค่เห็นก็ตาม

แต่หัวใจของเราคือการสู้กับมัน เราต้องเข้าใจทั้งหมดที่ผมพูดนี้

เพราะเพียงแค่หัวใจเราผิด ทุกอย่างจะผิดหมด

ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่การฝึกอาวุธอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เพื่อจะต่อกรกับกิเลส

แต่คือ เข้าใจความเป็นไปทั้งหมดของมัน เข้าใจที่มาที่ไปของมัน เข้าใจกระบวนการของมัน

และการที่ไม่มีใครซักคนที่มีหัวใจจะต่อกรกับมัน นั่นคือ หัวใจของสัมมาทิฏฐิ

และอย่างที่ผมบอก เมื่อสัมมาทิฏฐิได้เกิดขึ้นแล้ว สัมมาที่เหลือทุกอย่างจะเกิดขึ้นตามกันมาอย่างที่หลีกหนีไม่ได้

สิ่งที่เราอยากได้ที่สุดคือ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ สัมมาญาณะและสัมมาวิมุตติ จะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นแปรผันไปตามความเข้าใจอันแจ่มแจ้งในอริยสัจ 4 นี้ มันจะแปรผันไปตามความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในชีวิตนี้

ไม่ใช่การพยายามทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้น ทำสิ่งที่ไม่ดีให้หายไปหรือไม่เกิดขึ้น เหล่านั้นไม่ใช่ความเข้าใจในชีวิตนี้

เรานึกออกมั้ย เราพยายามทำคุณสมบัติที่ดีที่เราเชื่อ…ให้มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา และทำลายหรือไม่อยากให้สิ่งที่เราเชื่อว่าไม่ดีนั้นเกิดขึ้น เราใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องของความเชื่อใน 2 เรื่องนี้แค่นั้น

แล้วอริยสัจ 4 อยู่ที่ไหน?
ความเข้าใจในชีวิตนี้อยู่ที่ไหน?

เมื่อความเข้าใจในชีวิตนี้แจ่มแจ้งขึ้นเป็นลำดับ ชีวิตก็จะเป็นมรรคมากขึ้นตามลำดับ

มันคือเรื่องๆเดียวกันทั้งหมด ทั้งอริยสัจ 4, ทั้งมรรค 8, ทางสายกลาง มันคือเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ มันแค่เปลี่ยนมุมพูดเฉยๆ เปลี่ยนมุมขยายความเฉยๆ แต่มันมาจากที่นั่น มันมาจากอริยสัจ 4

อริยสัจ 4 คือความจริงอันประเสริฐ ที่ไม่ต้องแสวงหา…ไม่ต้องแสวงหาจากใคร มันอยู่ในตัวเราแล้วทุกคน มันคือชีวิตของเรา

ของประเสริฐที่สุดอยู่ที่ตัวเรา ไม่ต้องไปหาสิ่งประเสริฐที่อื่น เราวิ่งหาบูชาสิ่งประเสริฐที่อื่น ยกเว้นตัวเอง

Camouflage
19-02-2565

ฟังธรรม : https://youtu.be/ajwTCWT1Xfs

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/xm6ubd/290.mp3