288.สิ่งที่เราไม่เคยทำ…ในการปฏิบัติธรรม

 

การภาวนาคือ การรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ชีวิตนี้คืออะไร ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนี้คืออะไร กับดักและโครงสร้างอันผิดเพี้ยนทั้งหมดคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง

แล้วความถูกต้องถึงจะเกิดขึ้น

ความถูกต้องไม่เกิดขึ้นจากการเชื่อบุคคลคนนึงที่เราเชื่อถือ แล้วทำทุกอย่างอย่างสุดหัวใจตามความเชื่อนั้น…ให้ถูกเป๊ะตามที่คนคนนั้นบอก นั่นมันเป็นแค่จินตนาการ เป็นแค่ภาพ เป็นแค่ความเชื่อ

การภาวนา หรือการปฏิบัติธรรม หรือกิริยาต่างๆ ที่เราใช้ในการปฏิบัติธรรม ที่เราเรียกว่า “รู้” หรือ “เห็น” ต้องเกิดขึ้นมาจากชีวิตของเราเอง ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการที่มีหนังสือบอกเรา หรือมีคนบอกเรา

คำว่า “รู้” คำเดียว เราสามารถจินตนาการได้ไม่เหมือนกัน มันจึงเกิดปัญหาได้ว่า ทำไมความรู้สึกตัวที่มีอยู่แล้วในมนุษย์ทุกคน เราถึงทำให้มันกลายเป็นความเพ่งได้

เพราะฉะนั้น การภาวนาจึงเริ่มต้นที่ ความเข้าใจชีวิตเก่าทั้งหมดว่ามันเป็นทุกข์ได้ยังไง

ไม่ใช่เริ่มต้นที่การเดินเข้ามาวัด เดินเข้ามาที่สำนักปฏิบัติธรรม แล้วมาถามครูบาอาจารย์ว่า ต้องทำยังไง

แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเอง ที่จะมีปัญญาและมีวุฒิภาวะ ที่จะเติบโตขึ้นมา และเข้าใจชีวิตทั้งหมดที่เคยผ่านมา ว่ามันทุกข์ได้ยังไง แล้วเราจะไม่ใช้ชีวิตแบบนั้น หลังจากที่เราเข้าใจทั้งหมดของชีวิตนั้นแล้ว

เราจะไม่ปฏิบัติธรรมด้วยชีวิตและหัวใจแบบเก่า และถ้าเรารู้ว่ามันเกิดขึ้น เราจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ ไม่ต้องให้ใครบอกเราเลย นี่คือวุฒิภาวะ นี่คือความเติบโต ที่เราทุกคนจะต้องลงทุนด้วยตัวเอง

เมื่อเราเข้าใจว่าชีวิตเก่านั้นเป็นทุกข์ได้ยังไง เราจะค่อยๆ ที่จะรู้จักการใช้ชีวิตจริงๆ เราจะไม่ใช้ชีวิตที่เป็นเหตุแห่งทุกข์

เราจะค่อยๆ ค้นพบว่า ชีวิตที่แท้จริงนั้นคือ ชีวิตที่เงียบเชียบที่สุด

คำว่าเงียบเชียบ…ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย แต่เงียบเชียบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น

เราจะเงียบเชียบ เพราะผมบอกว่ามันเป็นชีวิตที่แท้จริง และเชื่อผมว่ามันถูกหรือว่าดีไหม?

หรือความเงียบเชียบนั้นเกิดขึ้นจากความเข้าใจชีวิตทั้งหมด ว่ามันเป็นทุกข์ได้ยังไง แล้วผลลัพธ์สุดท้ายคือเราค้นพบว่า ชีวิตมันเงียบเชียบด้วยตัวมันเอง

แม้กระทั่งชีวิตที่เงียบเชียบก็ไม่อาจเอาไปเป็นวิธีปฏิบัติได้ แต่มันต้องเกิดขึ้นจากชีวิตของเราเอง เกิดขึ้นจากความเข้าใจทั้งหมดของชีวิต ความทุกข์ทั้งมวลของชีวิตของเราเอง

 

ชีวิตเป็นแค่ความดำรงอยู่ ดำรงอยู่กับทุกขณะของชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม

ชีวิตนั้น ไม่ใช่การที่มีใครสักคนนึงคิดว่าจะปฏิบัติธรรมยังไงดี หรือคิดว่าจะปฏิบัติต่อสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังไงดี แต่ดำรงอยู่กับมันอย่างเต็มเปี่ยม โดยที่ไม่มีใครคนนั้นคิดจะทำอะไรกับมัน…นี่คือสิ่งเดียวที่นักปฏิบัติธรรมไม่เคยทำ

เราทุกคนพร้อมจะทำอะไรกับมันตามความรู้ ตามวิธีการที่เราได้รับมาจากอาจารย์ เช่น เราจะเห็นมัน เราจะดูมัน เราจะรู้มัน เราจะไม่เข้าไปเป็นกับมัน นั่นคือสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราอยากจะให้เป็นแบบนั้น เราต้องการเป็นแบบนั้น เราต้องการได้รับรสชาติของการเป็นแบบนั้น นั่นคือกามตัณหา!

สิ่งที่เราไม่เคยทำเลยคือ ดำรงอยู่กับมันอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีใครคนนั้นคิดจะทำอะไรกับมันทั้งนั้น

และเราก็อาจจะคิดว่า แล้วมันจะผ่านไปใช่ไหมครับ?

คำสอนเหล่านั้นจะทำให้เราอยู่ในอนาคต ไม่ได้ดำรงอยู่กับมันอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เรารอว่าจะเกิดอะไรขึ้น และถ้ามันไม่ผ่านไป เราจะกลุ้มใจว่า ทำอะไรผิดรึเปล่า

ดำรงอยู่กับจิตใจ…ความรู้สึกต่างๆ เหมือนกับเราที่ดำรงอยู่กับร่างกายนี้…ที่มันแก่ ที่มันเจ็บ ที่มันจะตาย

เรามุ่งจะให้จิตใจนี้มันดี เพื่อที่เราจะได้เกิดดีๆ ตายดีๆ ไปดีๆ เราไม่เคยสนใจที่จะไม่ไปไหน…ไม่ไปไหนแล้ว

เราสนใจจะไปกับไม่ไป ไปที่ดีๆ ไม่ไปที่ไม่ดี มีใครสนใจว่าไม่ไปไหนไหม?

ดำรงอยู่กับมันอย่างเต็มเปี่ยม…ไม่ไปไหน…ไม่มีเรา

“เมื่อไม่มีเรา ก็จะไม่มีใครต้องไปไหน”

จะเหลือแค่ความเป็นอยู่ของชีวิตนี้…มันเป็นอย่างนี้ แค่นั้น

 

Camouflage

05-02-2565

 

ฟังธรรม : https://youtu.be/IA3rlFV8b5Q

 

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/gt959p/288.mp3