285.ระบบของความคิด

 

การปฏิบัติธรรมคือ การเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตนี้

…เห็นเงื่อนไข ข้อจำกัด ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้

…เห็นระบบของสายสัมพันธ์ของมันทั้งหมด

พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “ความเข้าใจแจ่มแจ้งในกองทุกข์นี้” หรือเรียกว่า “อริยสัจ 4” มันไม่ใช่เรื่องลึกลับ

แต่พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างตื้นเขิน เราต้องการแค่เชื่อ…แล้วทำตาม เราไม่เคยทำตามด้วยความลงลึกเข้าไปในตัวชีวิตนี้ด้วยตัวเราเองอย่างแท้จริง

ผมอยากให้เราเข้าใจว่า มันไม่ใช่เรื่องของการที่เรากำลังคิดว่า เราจะฝึกสติยังไงให้ดีกว่านี้ ฝึกสมาธิยังไงให้ดีกว่านี้ หรือจะฝึกให้มีปัญญายังไงให้ยิ่งกว่านี้ เรานึกออกไหม…นั่นคือ ระบบของความคิด

แต่สิ่งที่ผมบอกคือ การที่เราเข้าใจระบบของความคิดทั้งหมดว่ามันกำลังสั่งให้เราทำอะไรบ้าง…นี่คือจริง เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้

เราจะรู้จักเรื่องจริงได้ เราต้องรู้จักว่าอะไรคือเรื่องปลอมๆทั้งหมดในชีวิตนี้

เพราะฉะนั้น ศาสนาพุทธคือคำว่า “จริง” มีแต่คำว่าจริง

เราไปถึงคำว่า “จริง” ไหม…อันนี้ต้องถามตัวเอง

 

ถ้าผมจะพูดอะไรให้ฟัง…ให้มันน่าอภิรมย์หน่อย หรือว่าลื่นหูซักนิด อาจจะน่าสนใจกว่านี้ เช่นผมบอกว่า พวกเราทุกคนควรจะมาปฏิบัติธรรม วันนึงเราจะเป็นกลางต่อทุกสิ่งทุกอย่าง วันนึงเราจะเป็นคนที่สามารถปล่อยวางได้ทุกสิ่งทุกอย่าง วันนึงเราจะยอมรับต่ออะไรๆที่กำลังเกิดขึ้นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง วันนึงเราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง วันนึงเราจะเป็นอิสระ วันนึงเราจะไม่มีเรา เราจะเป็นพระอรหันต์ เราจะเป็นคนที่ไม่มีความทุกข์เหลืออยู่เลย…ฟังดูรื่นหู เสนาะหู ไพเราะ

เกิดอะไรขึ้นทันที?

เราทุกคนจะเข้ามา พร้อมรับสิ่งที่ผมจะบอกให้ไปทำทั้งหมด แล้วเราจะตั้งหน้าตั้งตา “ทำกันแบบสู้ตาย”

เพราะเราหวังว่าวันนึงเราจะถึงที่นั่น เราจะได้รับความเป็นอย่างนั้น…ความไม่ทุกข์ ความเป็นพระอรหันต์ ความหลุดพ้น ความอิสระ

นึกออกไหม? “เรา” จะได้รับ

“เรา” ยังอยู่!

เรายังอยู่เหมือนเดิม

เราเป็นคนที่กำลังได้รับอะไรเหมือนเดิม เหมือนทั้งชีวิตที่เกิดมานั่นแหละ เราจะประสบความสำเร็จเหมือนที่เราเคยประสบความสำเร็จในทางโลกเหมือนเดิม

 

กับการที่ผมบอกว่า การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเพียงแค่การตื่นและลืมตาขึ้นมาแค่นั้น

ความรู้สึกของการที่เราตื่นและลืมตาขึ้นในขณะแรกเป็นยังไง? มีเราเป็นผู้หลุดพ้นไหมตอนนั้น? มีไอเดียว่าเราเป็นผู้ไม่ทุกข์แล้วไหม? เราเป็นกลาง…เราปล่อยวาง…เรายอมรับทุกอย่างได้…มีไหมตอนนั้น?

ผมอยากให้เราเข้าใจว่า เราถูกล่อหลอกด้วยความหวังโดยมีความเป็นเรานี่แหละเป็นเหยื่อ เป็นเหยื่อที่หลอกง่ายที่สุด เพราะเราจะเอา จะบุกน้ำลุยไฟเท่าไหร่เราก็ทำ เพราะถ้าเราเชื่อว่าสิ่งนั้นมันดีเลิศประเสริฐ…เราจะทำ เพราะเราจะได้หนิ…ทำไมเราจะไม่ทำ เราต้องอดทนเรียนหนังสือ สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ทำงานเพื่อจะได้สิ่งที่ดีเลิศประเสริฐ เช่น เงิน ทนทรมานเท่าไหร่เราก็ยอม

มันคือระบบเดียวกัน มันคือระบบของความคิดที่หลอกเรา ระบบความคิดที่ชี้นำชีวิตเรา ชี้นำชีวิตเราทั้งชีวิตจนกระทั่งเรามาปฏิบัติธรรม มันก็ยังชี้นำเราอยู่เหมือนเดิม เราไม่เคยเห็นความจริงว่าเราถูกมันครอบอยู่ตลอดเวลา ทุกขณะของชีวิตเราถูกมันครอบ

การเห็นความจริงของชีวิตคือเห็นที่นี่ เห็นเงื่อนไขบางอย่างที่ครอบงำชีวิตนี้ มันถูกบีบคั้นยังไง มันถูกเตะไปทางนู้นที เตะไปทางนี้ทีได้ยังไง เข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดที่มีอยู่ในชีวิตนี้ นี่คือการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปเป็นอะไร

และเมื่อเรารู้ทัน เมื่อเราเห็นเงื่อนไขทั้งหมด เห็นความสัมพันธ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละขณะของชีวิต ความยึดมั่นต่อสิ่งๆนั้นจะสลายไป จะเหลือแค่การใช้ชีวิตจริงๆ เหลือแค่ชีวิตที่เป็นปัจจุบันจริงๆ

แล้วเราจะพบว่าชีวิตเราต้องทำอะไรน้อยมากเลย ที่เราต้องทำมาก ก็เพราะความยึดมั่นในความคิดที่ชี้นำเรา และเราเชื่อมัน

เพียงแค่ไม่มีความยึดมั่นต่อความคิดและความเห็นที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะของชีวิต ไม่ใช่เราไม่ทำอะไร แต่เราจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราจะต้องทำมันน้อยลง เพราะหลายเรื่องที่ถ้าหมดตัณหาไปแล้ว มันก็ไม่ต้องทำ มันจะเหลือแค่บางเรื่องที่ต้องทำเท่านั้น

 

Camouflage

18-12-2564

ฟังธรรม : https://youtu.be/YoEhcerwR_A

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/5bk5vr/285.mp3