279.วิถีชีวิตแห่งความแบ่งแยก

การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ยาก สิ่งที่ยากที่สุดคือ “ความเข้าใจว่า อะไรคือการปฏิบัติธรรม

ทุกวันนี้เราเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมคือการทำอะไรบางอย่างเพื่อจะไปถึงอะไรบางอย่าง เพื่อจะได้รับอะไรบางอย่าง เพื่อจะมีคุณสมบัติอะไรบางอย่าง เพื่อเพิ่มพูนสิ่งที่เราเชื่อว่าเรายังไม่มี นี่คือการปฏิบัติธรรมในความคิดของเรา

เบื้องหลังของความเข้าใจแบบนี้คือตัวเรา คือความคิดว่ามีตัวเราอยู่จริงๆ ที่เป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบเอาซะเลย

และเราพยายามเพิ่มเติมและขจัดสิ่งต่างๆที่เราเชื่อว่าไม่ดีออกไป เพื่อเราคนนี้จะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสักวันหนึ่งในอนาคต เป็นคนที่หลุดพ้น เป็นคนที่ไม่มีความทุกข์

เหล่านี้ใช่ไหมคือกระบวนการคิดของเรา เมื่อเราเริ่มก้าวเข้ามาในแวดวงของการปฏิบัติธรรม

ผมกำลังบอกว่า กระบวนการความคิดและความเชื่อทั้งหมดนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

ระบบการปฏิบัติธรรมที่เราคิดในแบบที่ผมเรียกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐินั้น คือการพยายามจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อจะบรรลุถึงอะไรบางอย่าง

เราพยายามทำสิ่งที่เราเชื่อว่าเราไม่มี…ให้มีขึ้นมา เราพยายามกำจัดสิ่งที่เราเชื่อว่าเรามี…ให้มันหมดไป

แต่ไม่ว่าเราจะปฏิบัติมานานเท่าไหร่แล้วก็ตาม เราก็พบว่า เรายังไม่บรรลุถึงสิ่งที่เราต้องการ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี หรือการกำจัดสิ่งที่ไม่ดีก็ตามที

และความคิดจะหลอกเราอีก หลอกเราว่าเรายังเพียรไม่พอ เราต้องใช้เวลามากกว่านี้ เราต้องอดทนมากกว่านี้ เราต้อง…อีกหลายต้อง เพื่อวันหนึ่งเราจะไปถึงอุดมคติของชีวิตอันนึงที่เราวาดภาพเอาไว้

เราเหมือนเด็กที่ถูกหลอก เด็กเวลาร้องไห้พ่อแม่ชอบหลอกว่าเดี๋ยวตำรวจมาจับ เราถูกหลอกแบบนั้น แต่จริงๆ เราโตแล้ว เรายังถูกหลอกอยู่

และด้วยวิถีชีวิตในแบบเก่าๆ ที่เราเคยเป็นแบบนี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาอีกมากมาย เกิดปัญหาในการปฏิบัติธรรม เกิดความทุกข์ใจในการปฏิบัติธรรม เกิดความสงสัยว่านี่เราปฏิบัติถูกหรือปฏิบัติผิด เกิดความไม่แน่ใจว่าการใช้ชีวิตของเรานั้นถูกหรือผิด เกิดความสับสนว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด

เมื่อมีที่นี่และมีที่นั่น ชีวิตก็จะเป็นความแบ่งแยก มีการตัดสินชีวิตนี้ ตัดสินการกระทำนี้ตลอดเวลา มีการให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ ว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือไม่ถูก ใช่หรือไม่ใช่

ชีวิตแห่งความแบ่งแยกนั้นก่อให้เกิดวงจรของความคิด…การตัดสิน…การให้ค่า เกิดวงจรของความขัดแย้ง ขัดแย้งทั้งต่อตัวเอง ขัดแย้งทั้งต่อคนอื่น แล้วสุดท้ายเราก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้นจากความทุกข์ได้

และเราตัดสินใจมาปฏิบัติธรรม เพื่อหวังว่าเราจะพ้นจากความทุกข์จากวงจรต่างๆทั้งหมดที่ผมพูดมา เราพยายามที่จะรู้ทันความคิด รู้ทันการตัดสิน รู้ทันอารมณ์ รู้ทันความรู้สึกต่างๆ และแม้กระทั่งรู้สึกตัว

แต่เราก็พบว่าเรายังไม่ไปถึงไหนเหมือนเดิม เราอาจจะพบว่าเรามีสติได้ดีขึ้นเหมือนกันนะ แล้วบางครั้งมันก็เสื่อมสลายไป บางครั้งเรามีสมาธิดีขึ้นนะ แล้วบางครั้งมันก็เสื่อมสลายไป เราอาจจะพบว่ามันคือความไม่เที่ยง ทุกอย่างดูดี เหมือนเรากำลังได้ปฏิบัติธรรมอยู่จริงๆ เหมือนทุกอย่างดูจะถูกต้องตามทฤษฎีทั้งหมดที่เราเคยเรียนมา

แต่คำถามผมคือ เรากำลังปฏิบัติธรรมอยู่บนพื้นฐานของวิถีชีวิตเก่า วิถีชีวิตแห่งความแบ่งแยกใช่หรือไม่ รากเหง้านั้นยังอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม มันเป็นรากฐานที่เรามีตั้งแต่เกิด และสั่งสมมาจนเป็นทุกข์ แล้วเรากำลังใช้รากฐานของชีวิตเก่าอันนี้ในการปฏิบัติธรรม ถูกไหม

นี่คือกระบวนการที่แนบเนียนที่สุดของการปฏิบัติธรรม

มาถึงคำถามที่ผมถามว่า สิ่งที่ผมบอกว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ยาก แต่ความเข้าใจว่าอะไรคือการปฏิบัติธรรมนั้นคือสิ่งที่ยากที่สุด

แล้วอะไรคือการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้น เมื่อความเป็นทั้งหมดของชีวิตนี้หยั่งรากฐานลงไปสู่ความไม่แบ่งแยก ชีวิตนั้นเป็นทั้งหมด ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช้ชีวิตอย่างเป็นกระแสของความเป็นทั้งหมดของมัน

การใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นทั้งหมดของมัน เรายักเยื้องตั้งชื่อมันว่าคือ การปฏิบัติธรรม

คำว่าปฏิบัติธรรมเป็นแค่ชื่อ แต่ความจริงแล้วคือ ความเข้าใจว่าชีวิตที่แท้จริง การใช้ชีวิตที่แท้จริงคืออะไร

วิถีชีวิตเก่าในระบบของความแบ่งแยกที่เราเป็นมาตั้งแต่เกิดจนเอามาใช้ในการปฏิบัติธรรม จะต้องหายไป จะต้องหมดสิ้นไป จะต้องจบลง แล้วมีหัวใจใหม่ มีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับดีหรือไม่ดี การแยกแยะเหล่านั้นเป็นแค่เรื่องของสมองและความจำที่เราจะใช้ชีวิตในสังคมแค่นั้น แต่ไม่ใช่คุณสมบัติที่เราจะยึดเอาเป็นเอาตายกับชีวิตนี้

ตัวชีวิตนั้นแบ่งแยกไม่ได้ เมื่อเรายึดกับดี เราจะถูกแบ่งออกไปเป็นคนดี เมื่อเรายึดกับคุณธรรมอะไรบางอย่าง เราก็จะถูกแบ่งออกไปเป็นคนอีกคนนึง เมื่อเรายึดกับความโลภ กับความชั่วร้าย เราจะเป็นคนไม่ดี

เราแยกออกจากความเป็นทั้งหมดเมื่อเรายึดกับอะไรบางอย่างเข้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดี ไม่ดี หรือจะเลิศประเสริฐแค่ไหนก็ตาม เราจะกลายเป็นส่วนเสี้ยวเล็กๆ เป็นความแบ่งแยก

ถ้าเรายึดหนังสือเล่มไหน เรายึดตำราเล่มไหนเอาไว้ เรายึดบทสรุปทางธรรมะ หรือความรู้ใดๆ เอาไว้ แม้กระทั่งเรายึดพระพุทธเจ้าเอาไว้ ชีวิตเราจะแบ่งแยกทันที ความเป็นทั้งหมดจะหายไป ความยึดนั้นเองที่สร้างความแบ่งแยก ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหนก็ตาม

เพราะฉะนั้น จึงมีคำสอนที่เราเคยได้ยินว่า เมื่อพบพระพุทธเจ้าระหว่างทาง ให้ฆ่าท่านเสีย

เมื่อชีวิตนั้นกลับไปสู่ความแบ่งแยก เมื่อหัวใจของชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความแบ่งแยก ความเป็นทั้งหมดจะหายไป เราจะเกิดขึ้น ความคิดปรุงแต่งจากการแบ่งแยกนั้นจะเกิดขึ้น ความสงสัย ความสับสน ปัญหา ความทุกข์ ความสิ้นหวัง ความกลัว ความเข้าไปอยู่ในกระแสของความปรุงแต่งทั้งหมดจะเกิดขึ้น

การปฏิบัติธรรมคือ ความสามารถที่เราจะอยู่กับความเป็นทั้งหมดของชีวิตนี้ในแต่ละขณะได้อย่างสมบูรณ์ อยู่กับมัน ไม่มีทิศทางกับมัน ไม่มีไอเดียว่าจะต้องทำยังไงกับมัน ไม่หนี ไม่สู้

เราพร้อมจะอยู่กับมันแบบนั้นมั้ย อยู่เฉยๆ กับมัน

เมื่อความโกรธเกิดขึ้น จริงไหมว่ามีไอเดียขึ้นมาทันทีว่ามันไม่ดี จริงไหมว่ามีไอเดียว่าเราไม่ควรจะโกรธ จริงไหมว่าเมื่อเราเป็นนักปฏิบัติธรรม เราจะพยายามเห็นเพื่อให้มันดับไป จริงไหมเพราะว่าเราเห็นมันดับไปได้ แปลว่าเรากำลังปฏิบัติได้ถูก เรารู้สึกแบบนั้น

ทั้งหมดที่ผมพูดถึงคือกระบวนการของความแบ่งแยก เราไม่สามารถจะใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์กับความเป็นอยู่ทั้งหมดนี้ และนั่นคือบ่อเกิดของความทุกข์

ชีวิตที่มีไอเดียในความแบ่งแยกที่ผมพูดถึงแบบนั้น มันแยบยล แนบเนียน เพราะมันดี

ก็ไม่ควรจะโกรธไม่ถูกหรือ ไม่ควรจะมีโทสะไม่ถูกหรือ การเห็นแล้วมันดับไปไม่ถูกหรือ

ถ้าชีวิตของเรายังคงมีความสงสัย หรือคำถาม หรือมีอุดมคติที่ควรจะเป็น ว่าถ้าแบบนี้มันถูก แบบนี้ไม่ถูก ชีวิตเรายังคงอยู่ในระบบของความแบ่งแยกเหมือนเดิม คำถามเหล่านั้นเกิดขึ้นจากไอเดียของเราว่ามีอุดมคติอันนึงที่เราวาดหวังเอาไว้ก็คือ ถูกและดี ชีวิตเราไม่เคยพ้นไปจากหลักฐานของคำว่าถูกและดีเลย แม้ว่าเรามาปฏิบัติธรรมก็ตาม และชีวิตเราจะเป็นได้แค่สูงสุดคือ ถูกและดี ไม่มีวันพ้นทุกข์

วิถีชีวิตในความเป็นทั้งหมดนี้ เป็นวิถีที่มนุษย์ทุกคนไม่เคยทำ เราอยู่แต่ในวิถีของการจัดการ ของการไปให้ถึงเป้าหมายแบบที่ผมบอกเมื่อกี้นี้ แม้กระทั่งเราพยายามเห็นความโกรธ ก็มีเป้าหมายเพื่อให้มันดับ สุดท้ายเพื่อสนองความเชื่อว่า “ถูก และถ้าเราทำได้นั่นแปลว่า “ดี

เราอยู่ในวิถีชีวิตเก่า และใช้วิถีชีวิตเก่าในการปฏิบัติธรรม เราอยู่ที่นั่นตลอดเวลา และมันแนบเนียน

สิ่งที่ผมอธิบายพวกเราวันนี้คือ วิถีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง การเป็นอยู่กับแต่ละขณะอย่างสมบูรณ์ อยู่กับมันเฉยๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม

เมื่อเราเริ่มจะใช้ชีวิตใหม่ สิ่งใหม่จะเกิดขึ้นได้ ผลลัพธ์อันใหม่จะเกิดขึ้นได้

เมื่อเราอยู่กับความทุกข์ถึงที่สุด เราจะมีโอกาสที่จะถึงที่สุดแห่งความทุกข์นั้น

ในการปฏิบัติธรรมนั้นมีหลากหลายวิธีการ หรือแม้กระทั่งทฤษฎีการใช้ชีวิตต่างๆ นั้นมีหลากหลายวิธีการ ที่จะทำให้มนุษย์คนนึงพ้นจากทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดบวก การเข้าใจผู้อื่น ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การมีสติ การมีสมาธิ การที่จะสามารถเห็นสภาวะได้ตรงตามความเป็นจริงแล้วมันดับไป เหล่านี้ทั้งหมดเราจะพบว่ามันทำให้เราสามารถที่จะพ้นทุกข์ได้ทันทีในขณะนั้นๆ

แต่ที่ผมบอกว่า สิ่งที่เราไม่เคยทำเลยในชีวิตของเรา คือการอยู่กับความทุกข์นั้นอย่างเป็นทั้งหมด โดยไม่มีทิศทาง แนวทาง ทฤษฎีใดๆที่จะกระทำบางอย่างต่อมัน เพื่อจะเกิดความหลุดพ้น สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวของเราทุกคน ที่เราไม่เคยทำ เราไม่เคยยอมทนอยู่กับมัน โดยที่ไม่ทำอะไรเลย

เรายอมแพ้ เราหาทาง…เราหาทางที่แม้กระทั่งมันจะดีที่สุด คือการเห็นมันตรงตามความเป็นจริงเพื่อให้มันดับไป เรายังคงหนีไม่พ้นวังวนของถูกและดี

เพราะฉะนั้น ปฏิบัติธรรมคือ การเหลือแต่ตัวชีวิตนี้ล้วนๆ เป็นอย่างที่มันเป็น อยู่กับมัน

เจ้าชายสิทธัตถะใช้ทุกไอเดีย ทุกทฤษฎีที่จะจัดการความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์คนหนึ่ง และท่านพบว่าการกระทำทุกอย่างต่อตัวชีวิตนี้นั้นเป็นความล้มเหลว และในที่สุดท่านจึงเลือกที่จะนั่งเฉยๆ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป เมื่อกิเลส ตัณหา ราคะ เข้ามายั่วยวนท่าน…ท่านเฉย ท่านอยู่กับมันอย่างเป็นทั้งหมด ท่านทำแค่นั้น ท่านไม่มีทิศทาง ไม่มีแนวทางอะไรหลงเหลืออีกแล้วที่จะทำอะไรกับมัน แม้กระทั่งการที่จะต้องรู้ต้องเห็นให้มันถูกต้อง…ก็ไม่มี ท่านแค่อยู่กับมัน

ถ้าชีวิตนี้…แท้จริงไม่มีเรา มันจะเหลืออะไร? ถ้าไม่ใช่แค่การอยู่กับมัน

สิ่งที่นอกเหนือจากการเฉย หรือการอยู่กับมัน ต้องมี “เรา” เป็นคนกำหนดทิศทางเท่านั้น

แต่ถ้าไม่มีเราล่ะ มันเหลืออะไร? เราได้แค่อยู่กับมันใช่มั้ย? ถ้าไม่มีเรา ก็ไม่มีใครต้องตามมันไปด้วยใช่ไหม

นี่คือชีวิตที่ผมพูดถึง นี่คือชีวิตที่ผมบอกว่ามันเป็นการภาวนาอยู่แล้ว เราแค่ต้องเข้าใจว่าชีวิตที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ แล้วที่เหลือของมันจะเป็นการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เราพยายามปฏิบัติธรรม

 

#Camouflage

17-10-2564

ฟังธรรม : https://youtu.be/Thb2jDxpkeQ

ดาวน์โหลด mp3 : https://mcdn.podbean.com/mf/download/axhmnv/279.mp3