274.เราละเลยอริยสัจ 4

เราไม่เห็นว่าเราใช้โครงสร้างเดิมๆ ในโลก โครงสร้างของการมีไอเดียต่อสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ และนำมาใช้กับตัวเอง ตัดสินตัวเอง

มีไอเดียต่อชีวิตนี้แทบจะทุกขณะของลมหายใจ ว่ามันควรจะเป็นยังไง และนั่นก็นำพาเราไปสู่ความดิ้นรน แต่เราไม่เห็น

เราวิ่งหาครูบาอาจารย์ ให้ช่วยบอกหน่อยว่าต้องรู้สึกตัวยังไง มีสติยังไง ทำสมาธิยังไง รู้แบบไหนถึงจะถูก เราสนใจเรื่องที่ห่างไกลจากชีวิตในขณะนี้จริงๆ ว่ามันทุกข์ได้ยังไง

ที่เราทำกันแบบนั้นในทุกวันนี้ เพราะเราละเลยอริยสัจ 4 เราละเลยสิ่งที่เป็นจริงในขณะนี้ ซึ่งก็คือ ทุกข์

เราต้องการแค่ปฏิบัติธรรมเฉยๆ เราไม่ต้องการรู้ว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ได้ยังไง นึกออกไหม คนละเรื่องกันนะ

เราแค่อยากทำอะไรบางอย่าง แล้วเราพอใจว่ามันถูกว่ามันดี ว่าเราได้ปฏิบัติถูกและดี เราแค่ต้องการความประสบความสำเร็จแค่นั้น

ถ้าเราดูหนังพระพุทธเจ้า เราจะเห็นว่าเจ้าชายสิทธัตถะเป็นทุกข์มาก ท่านค้นหาคำตอบจากทุกคำถามที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

ท่านไม่ละเลย แต่ท่านลงลึก ลงลึกจนสุดท้ายท่านบอกว่าท่านต้องค้นหาคำตอบนี้ด้วยตัวท่านเอง

ถ้าเราเคยอ่านคำสอนของสายมหายาน มหายานจะบอกว่าเราทุกคนนั้นคือพระพุทธเจ้า ความหมายที่ผมเข้าใจมันไม่ใช่เพียงแค่ว่าทุกคนมีความเป็นพุทธะในตัวเองอยู่แล้ว แต่หมายถึงว่า เราทุกคนจะต้องค้นพบคำตอบด้วยตัวเอง เหมือนที่เจ้าชายสิทธัตถะค้นพบด้วยตัวเอง

ถ้าเราเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องพิเศษ เป็นเรื่องสภาวะอันลึกซึ้ง เป็นเหมือนเรื่องที่แฟนซี ลองลงลึกไปในตัวชีวิตนี้ ด้วยความใส่ใจอย่างเต็มที่กับมัน

กระบวนการทั้งหมดที่เราจะค้นพบ
มันคือเรื่องธรรมดาของชีวิต
และเรามีเหมือนกันทุกคน

แต่เราไม่สนใจความเรียบง่ายและความธรรมดาที่มีอยู่แล้วในชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

เราสนใจแต่เรื่องทำนองของปาฏิหาริย์ เรื่องของจิตที่สว่างไสว เรื่องของว่าง อะไรทำนองนั้น เราไม่สนใจความธรรมดา ความที่อะไรๆ กำลังเป็นไปในขณะนี้ เราไปสนใจเรื่องอื่น เราทำให้การปฏิบัติธรรมนั้นดูเหนือธรรมดา

ถ้าเรายังปฏิบัติธรรมภายใต้ความเชื่อ และละเลยการที่จะเข้าใจชีวิตนี้ด้วยพลังทั้งหมดของชีวิตเรา ด้วยตัวเราเอง เราจะไม่มีวันเข้าใจวิธีปฏิบัติธรรมที่เราได้รับมาจากครูบาอาจารย์เลย

แต่ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่ผมพูดนี้ทั้งหมด วิธีปฏิบัติธรรมที่เราได้รับมาจะเป็นแนวทาง (Guideline) กว้างๆ ให้กับชีวิตในเส้นทางนี้ มันไม่ได้มีไว้สำหรับความยึดมั่นหรือไปให้ถึง ไม่ใช่เป็นที่ที่จะบอกว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว มันเป็นขอบเขตกว้างๆ

เรามีหน้าที่ที่ต้องลงลึกลงไปชีวิตนี้ เมื่อลงลึกลงไปแล้ว เราจะพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นคือ อริยสัจ 4 นี่เอง กระบวนการที่เป็นอยู่คือ สติปัฏฐาน 4 นี่เอง

จะเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด มันไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของมนุษย์คนหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่เป็นสากล

เราทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ชาติไหน ภาษาไหน ก็ทำได้ เราอาจจะเป็นคนไม่มีศาสนาเลยก็ได้ สิ่งนี้ก็ยังทำได้

เพราะมันคือชีวิตของแต่ละคน
และทุกคนมีเหมือนกัน

นี่คือความสากล และผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้าสอนสิ่งที่เป็นสากล คือสิ่งนี้

Camouflage
12-09-2564

ฟังธรรม :
https://youtu.be/PVp1Q3x1c5E

ดาวน์โหลด mp3 :
https://mcdn.podbean.com/mf/download/z5gwyk/274.mp3

www.camouflagetalk.com