242.ไม่มีที่หมาย

ความสมบูรณ์แบบคืออะไร?

คือภาวะที่พ้นไปจากที่หมายใดๆ จากทุกๆที่หมาย หรือพ้นไปจากความปรุงแต่งทั้งปวง พ้นไปจากทุกไอเดีย ในภาวะที่ไม่มีที่หมายใดๆ เหลืออยู่เลย

ในภาวะที่พ้นจากความปรุงแต่ง เรายังเหลือไอเดียว่าเราต้องรู้อะไรหรือเห็นอะไรไหม? อันนี้เป็นคำถามสำคัญ

การพ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวงไม่สามารถจะมีไอเดียว่าเราควรจะต้องรู้หรือต้องเห็นอะไร แล้วเหลืออะไรหลังจากนั้น? นี่คือคำถามถัดไป

สิ่งที่เหลืออยู่คือ “ภาวะแห่งการรับรู้อย่างอิสระ รู้โดยที่ไม่มีการเลือก รู้อย่างไม่มีที่หมาย รู้ที่ไม่ได้คิด รู้ที่อยู่นอกเหนือความคิด” นั่นคือรู้ที่ใช้ในการปฏิบัติธรรม 

ถ้าเราเข้าถึงรู้ที่อิสระนี้ เราจะพบความสมบูรณ์แบบในโลก คือทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นและดับไปได้ มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นตถตา นี่คือความสมบูรณ์แบบในโลกนี้

เมื่อเราเข้าถึงความสมบูรณ์แบบทางธรรม เราจะรู้จักความสมบูรณ์แบบในโลก 

เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งให้ชัดเจนว่า “แท้จริงชีวิตนั้นสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว” ฟังประโยคนี้ผมให้ดี ผมเคยพูดว่า “ทุกขณะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว” ความสมบูรณ์แบบอยู่แล้วนั้นคือ “มันเป็นอย่างนี้ ก็มันเป็นอย่างนี้” แค่นั้น 

แต่ที่มันไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเรามีที่หมาย เรามีเป้าหมาย เรามีความเชื่อว่าที่สมบูรณ์แบบนั้นหน้าตามันเป็นยังไง แล้วพอไม่เหมือนสิ่งที่เราคิด เราก็เลยคิดว่าอันนี้ไม่สมบูรณ์แบบ

เหมือนคนในโลกก็ต้องไปทำศัลยกรรมเพราะดั้งไม่มี ตาชั้นเดียว ไม่สมบูรณ์แบบ เราใช้ชีวิตในโลกแบบนั้น แล้วเราเอาชีวิตแบบนั้นมาใช้ในทางธรรมด้วย

เราคิดเสมอว่าเรายังไม่สมบูรณ์แบบ เรายังมีสติไม่ดีพอ เรายังมีสมาธิไม่ดีพอ เรายังฉลาดไม่พอ ปัญญาเรายังไม่ดีพอ วันๆ เราคิดแต่เรื่องที่เรายังไม่ดีพอ

อย่าลืมที่ผมบอกว่าศาสนาพุทธนั้นคือ “ความหลุดพ้น” เพียงแค่หลุดออกมา ไม่ใช่ทำอะไรให้มันดีขึ้น

พระสารีบุตรท่านเคยถามพระปุณณมันตานีบุตรผู้เป็นพระธรรมกถึก พระสารีบุตรถามพระรูปนั้นว่า ท่านปฏิบัติธรรมเพื่อความมีศีลบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ พระรูปนั้นตอบว่าไม่ใช่ ท่านถามต่ออีกว่าท่านปฏิบัติธณรมเพื่อความมีสติสมาธิอันสมบูรณ์ใช่หรือไม่ พระรูปนั้นตอบว่าไม่ใช่ ท่านถามต่ออีกว่างั้นท่านคงปฏิบัติเพื่อที่จะมีปัญญาอันบริบูรณ์ใช่หรือไม่ พระรูปนั้นตอบว่าไม่ใช่อีก ท่านถามว่างั้นท่านปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร พระรูปนั้นตอบว่าการปฏิบัติธรรมทั้งหมดของท่านเป็นไปเพื่อสิ่งเดียวคือ “ความหลุดพ้น”

เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจให้ถูกว่าศาสนาพุทธเป็นเรื่องของความหลุดพ้น และเราหลุดตั้งแต่ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่รอชาติหน้า ไม่ใช่รอพรุ่งนี้ ไม่ใช่รอชั่วโมงข้างหน้า

ถ้าเราเข้าใจและมีทิฏฐิที่ถูกต้องว่าในแต่ละขณะนั้นสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว เราจะดิ้นรนไหม เราจะอยากให้มันดีกว่านี้อีกไหม สติยังไม่ดีเลยอยากให้ดีกว่านี้ไหม สมาธิตอนเริ่ม 5 นาทีแรกไม่เวิร์คเลย เดี๋ยวรอแป๊บนึงคงดีกว่านี้ นั่งสักพักแล้วเดี๋ยวปัญญาคงมา นั่นเพราะเราคิดอยู่ตลอดเวลาว่าขณะนี้มันไม่สมบูรณ์แบบ

เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูกว่าความสมบูรณ์แบบในโลกคือมันเป็นอย่างนี้ ก็อย่างนี้แหละ มันสมบูรณ์แบบตามเหตุปัจจัยในขณะนี้แล้ว เป็นอย่างนี้ 

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคอยแต่คิดว่าตอนนี้ยังไม่ดียังไม่ถูก นั่นเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของกาลเวลาแล้ว และเรามีความหวังว่าเราจากจุดนี้จะค่อยๆ พัฒนาไปถึงจุดนั้น จุดที่เราเชื่อว่านั่นเรียกว่าความสมบูรณ์แบบ หรือว่าดีกว่าตอนนี้ และนั่นคือโลกของกาลเวลา โลกของมายา ไม่ใช่ธรรมะ แม้ว่าเราจะได้สิ่งที่ดีกว่าจริง มันก็เป็นแค่มายา ไม่ใช่ธรรมะ มันเป็นเรื่องของการเวลาแค่นั้น

กาลเวลาจะหลอกเราทุกคน หลอกนักปฏิบัติธรรมทุกคน มันไม่ใช่การพัฒนาเป็น Step เป็น Step เป็น Step เราต้องเข้าใจจุดนี้ให้ได้ “มันแค่อึดใจเดียว” อึดใจเดียวของความหลุดพ้นหลุดออกจากทุกข์ความปรุงแต่ง…ที่นี่

ที่นี่จะไม่มีการเคลื่อนตัวจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง มันไม่เคยเปลี่ยน ที่นี่มีอยู่กับเราตลอดเวลา มันไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม่ว่าผมจะอายุมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเปลี่ยน มันมีอยู่ตลอดเวลาในชีวิตทุกคน เราแค่ลืมมันไป เราแค่สนใจความปรุงแต่งฝ่ายดีบ้างฝ่ายชั่วบ้าง เราสนใจเรื่องแบบนั้นมากกว่า 

สิ่งที่เราต้องสนใจที่แท้จริงเลยคือ สนใจตัวเราที่แท้จริงนี้ คือ “สภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง” เพราะสภาพนี้คือความเป็นทั้งหมดของชีวิต มันครอบคลุมทั้งหมดของชีวิต ชีวิตที่เราเรียกว่าการปฏิบัติธรรมก็ได้ ชีวิตที่แท้จริงก็ได้ ไม่มีอะไรจะเล็ดลอดไปจากสภาพนี้ได้ เราจะอยู่ในสภาพที่สามารถมองเห็นป่าทั้งป่าได้ ไม่ใช่มีที่หมายไปที่ต้นไม้เพียงต้นเดียว ไม่งั้นเราจะไม่เห็นป่า 

ความรับรู้อย่างอิสระ…รู้เรื่องไหม รู้ไหมว่าเสียงนี้คือเสียงนก…รู้ รู้ไหมว่าเสียงนี้คือเสียงผม…รู้ แต่ไม่ใช่ที่หมาย คำว่าไม่ใช่ที่หมายคืออะไร ไม่มีความยึดติด และเมื่อไม่มีความยึดติด มันจึงไม่มีความปรุงแต่ง 

เพราะฉะนั้น การใช้ชีวิตที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง…เป็นไปได้ไหม…เป็นไปได้ 100%  เป็นชีวิตที่เป็นกลางไหม…เป็น เป็นชีวิตที่พ้นทุกข์ไหม…พ้น เป็นชีวิตที่อิสระไหม…อิสระ เป็นชีวิตที่ต้องทำอะไรไหมที่เรียกว่าการปฏิบัติธรรม…ไม่ต้องทำ

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าถึงหนึ่ง เราจะเข้าถึงชีวิตทั้งชีวิต เราจะเข้าถึงความเป็นทั้งหมดของชีวิต เราจะเข้าถึงความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของชีวิต แล้วเราจะเป็นผู้ที่โน้มเอียงไปสู่ความที่ไม่ต้องเกิดอีกต่อไป

แม้ว่าผมจะอายุมากขึ้นอีกหลายปีจนถึงตอนนี้สภาพปกติ สภาพที่พ้นจากความปรุงแต่ง มันไม่เคยแก่ตามผมเลย มันเหมือนเดิม และสภาพนี้ไม่ใช่จิต ไม่ใช่จิตที่คิดนึกปรุงแต่ง อารมณ์ต่างๆ นานา…ไม่ใช่ มันอยู่ข้างหลังมันอีกทีนึง มันคือชีวิต 

แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ผมมีคนเดียว เราทุกคนมี มีเหมือนกัน ที่หลวงปู่ดูลย์ท่านว่า เราทุกคนแสวงหาพุทธะนอกตัวคือแบบนี้ เราวิ่งหาทำนี่ทำนั่น ปฏิบัตินี้ปฏิบัตินั่น ทำอย่างนี้ทำอย่างนั้น ทั้งหมดที่เราทำเรียกว่าการแสวงหาพุทธะนอกตัว เราคงนึกไม่ถึงใช่ไหมว่าที่เราปฏิบัติธรรมอยู่คือการแสวงหาพุทธะนอกตัว แต่มันเป็นแบบนั้น เพราะนั่นคือความปรุงแต่ง 

อย่าลืมว่าทุกขณะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ทุกขณะเป็นอย่างนี้ สมบูรณ์แล้ว

Camouflage

01-02-2564