166. วิถีชีวิตใหม่ : 12 จงกรม

ตอนที่ 1 เรียนรู้ธรรมชาติ…ไม่ฝืน

เวลาเดิน… เห็นร่างกายมันเดิน เวลายืน…ก็เห็นร่างกายนี้มันยืนอยู่ แต่ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องจ้อง เดี๋ยวมันก็จะลืม แต่พอมันลืมไปเราก็จะรู้ได้ว่า เออ! เมื่อกี้นี้ไม่เห็นแล้ว มันล่องลอยไปอยู่ในความคิดแล้ว หรือว่าเหม่อลอย ลอยไปไหนไม่รู้ เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็เห็น เดี๋ยวก็ลืม มันก็คือเดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็หลง เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็หลงนั่นแหละ หรือว่าเดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็ไม่รู้… มันมีแค่นี้เอง

เวลาเดินช่วงแรกสติยังดีอยู่ เห็นได้ เดี๋ยวพอเดินไปเดินมาจะเริ่มเพลินแล้ว แต่โชคดีเรามีการหยุดเป็นตัวช่วย พอเราหยุดปุ๊บ ความเพลินมันก็ขาดไป ขาดไปด้วยอิริยาบถตามธรรมชาตินี้ที่เป็นตัวช่วย เราจะรู้สึกกลับมาที่เนื้อที่ตัวมากกว่าตอนที่เดินอยู่เมื่อกี้นี้ เราจะรู้จักเปรียบเทียบได้ว่า อ่อ! เมื่อกี้นี้ลอยๆ ไปหน่อย บางทีไม่ถึงกับลอยมากหรอก ลอยนิดหน่อย แต่ถ้าเราไม่ได้หยุดเนี่ย เราก็จะไม่รู้ว่าเมื่อกี้นี้ลอยไปนิดนึง

อย่าลืมว่าเราเดิน เรานั่ง ก็เพื่อจะเรียนรู้ความจริงของร่างกายและจิตใจนี้ว่ามันเป็นยังไง  มันทำงานแบบไหน มันควบคุมได้ไหม มันเป็นของเราไหม จิตใจจะลืมเนื้อลืมตัว เราบังคับมันให้มันอยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลาได้ไหม เราเรียนรู้ธรรมชาติของมัน เราไม่ฝืนธรรมชาติ

เราเคลื่อนไปก็รู้สึก หมุนก็รู้สึก รู้สึกได้เวลาหมุน รู้สึกได้ไหมขาไหนเขยื้อน ขาไหนไปก่อน บางทีเราเวลาหมุนเราไม่รู้ตัวเลย เวลาเราหมุนตัวมันเป็นเวลาที่เราจะได้รู้สึกว่า เออ! ส่วนไหน ตรงไหนมันกำลังไปก่อน ไปหลัง การรู้เนี่ยมันจะละเอียดประณีตขึ้น จะเห็นว่าการเดินก็มีหลายอิริยาบถ อิริยาบถเดิน หรืออิริยาบถยืน หรืออิริยาบถหมุน

บางทีเราไม่เคยชินกับ “การหยุด” พอหยุดปุ๊บนี่มันอยากรีบเดิน เราก็รู้ทันความอยากนั้น ทำไมมันอยากรีบเดิน เพราะมันเพลิน ถ้าหยุดจะถูกขัดจังหวะ หรือแม้กระทั่งเราเดินช้าๆ เดินเรื่อยเปื่อย มันก็ไม่อยากหยุดนะ เพราะว่ามันเพลินเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การหยุดก็จะเป็นตัวเช็คตามธรรมชาติที่เวลาเดินแล้วอาจจะเผลอเพลิน เหมือนเราต้องตั้งสติก่อนออกสตาร์ทประมาณนี้ จะหยุดหัว หยุดท้าย หมุนแล้วหยุดอีก หรือว่าจะเดินสักรอบแล้วค่อยหยุด ก็แล้วแต่เรา ดูตัวเอง แต่ให้มีที่หยุดบ้าง เอาไว้เช็คความเพลิน

เหมือนเวลาเรานั่งสมาธิ ตอนเราหายใจ แล้วมีจุดที่เราหายใจออก แต่ยังไม่ต้องการลมหายใจเข้า ตรงนั้นจะเกิดความรู้สึกตัวขึ้นมาทันที มันก็เป็นเรื่องเดียวกับการหยุดนั่นแหละ เรื่องเดียวกัน สมาธิจะเกิดทันที

 

ตอนที่ 2 ทุกข์ที่หนีไม่ได้

สังเกตไหมจิตมันจะแวบๆ ออกไปเรื่อย มันไม่นิ่ง มันคล้ายๆ มันสั่นสะเทือนอยู่ตลอด เตรียมจะพุ่งออกไปอยู่ตลอด เรียกได้ว่าถ้าเราเผลอเมื่อไหร่เนี่ยมันไปเลย แต่ก็ไม่ห้าม เราสร้างเหตุไป สร้างเหตุ คือ มีสติไป เห็นร่างกายนี้มันเดินอยู่ไป เราจะเห็นอาการของจิตเอง เราเห็นไปเรื่อย เห็นไปเรื่อย จนวันหนึ่งเราจะเห็นว่า โอ้โห! จิตนี้เป็นทุกข์มาก มันเป็นทุกข์ด้วยตัวมันเองไม่เกี่ยวกับเรา มันดิ้นรนตลอดเวลา ทำงานตลอดเวลา ไม่มีเวลาพักเลย จนเราค้นพบว่า “จิตนี่เหมือนนรก” เขาบอกว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ คืออันนั้น

จิตที่ดิ้นรนแสดงความทุกข์ตลอดเวลา มันเป็นเหมือนนรก นรกอยู่ในใจเรานี่เอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน แค่เรายังไม่เคยเห็นแค่นั้นเอง แต่ถ้าเราเห็นมันเรื่อยๆ แบบที่เรากำลังฝึกอยู่แบบนี้ ความจริงจะเปิดเผยออกมาให้เราเห็น

เมื่อก่อนเราหนีมัน เราเป็นทาสมัน เราทำตามมันทุกอย่าง เราไม่ได้เห็นมัน วันนี้เราเห็นว่าจิตนี้เหมือนนรก มันแสดงอาการหมุนติ้วอยู่กลางอกนี่แหละ เหมือนดวงไฟหมุนติ้วอยู่กลางอก ไม่ได้เห็นแบบเป็นตาเห็น แต่เห็นแบบเป็นความรู้สึก อยู่ทั้งวันทั้งคืนนี่แหละ ไม่ใช่แค่วัน แค่คืน อยู่เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน คิดว่าทรมานแค่ไหน ปฏิบัติธรรมนี่ไม่ใช่มีความสุขนะ เราเห็นทุกข์ เห็นทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นทุกข์ที่หนีไม่ได้ อยากหนีก็หนีไม่ได้ ไม่มีทางหนี มีแต่ต้องทนอย่างเดียว ต้องตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิดจนตายแล้วไม่ต้องเกิด

 

ตอนที่ 3 วัดความก้าวหน้า

บางทีเราหยุดยืนแล้วมันก็เหม่อไป…ก็รู้ทัน ที่พูดทั้งหมดก็มี “แค่รู้” ไม่มีต้องห้ามเหม่อ ห้ามเผลอ ต้องมีสติตลอดเวลา ไม่มีแบบนั้น

บางทีมีนักปฏิบัติมาถามจะทำยังไงให้สติไม่หลุด ทำยังไงไม่ให้เผลอ การถามแบบนี้ก็แปลว่าเรายังไม่เข้าใจการปฏิบัติธรรมคืออะไร

เราวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้ง่ายๆ ว่า เราเข้าใจความจริงของชีวิตมากขึ้นไหม ความเข้าใจในความจริงของชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม ความยึดมั่นถือมั่นว่ามีเราจริงๆ นี้มันลดทอนลงบ้างไหม ความเห็นผิดต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตที่เราเคยมีหายไปบ้างไหม  ความต้องการอะไรๆ ความฝัน ความหวังต่างๆ ในชีวิตที่เราเคยคิดไว้มันลดทอนลงบ้างไหม ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แปลว่าเราไม่เข้าใจอะไรเลย

เราปฏิบัติธรรมควบคู่ไปกับชีวิตของเราในแต่ละวัน แต่ละขณะ แต่ละเวลาแล้วก็พิจารณาชีวิตไปด้วย พิจารณาลงไปสู่ความเป็นจริงว่ามันเป็นยังไง การทำอะไรทุกอย่างมันเป็นองค์รวม องค์รวมของทั้งชีวิต เหมือนเราจะเดินไปไหน มันไม่ใช่ไปแต่ขาใช่ไหม มันต้องไปหมด หัว แขน ตัวไปหมด ไปด้วยกัน เพราะฉะนั้น เราปฏิบัติธรรม เราก็ไม่ใช่แค่เดินจงกรม นั่งสมาธิ มันคือทั้งชีวิตของเรา ความสมบูรณ์ของชีวิตทั้งหมดที่จะต้องควบคู่ไปด้วยกัน

 

03-12-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/209HjtPQqW0

คอร์สปฏิบัติธรรมวิถีชีวิตใหม่ 30 พย – 4 ธค 2562

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://lin.ee/hHJprqr

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
https://camouflagetalk.podbean.com/