161.วิถีชีวิตใหม่ 7 – ปฏิบัติธรรมทำไม

ตอนที่ 1 ปฏิบัติธรรมทำไม

ใครที่ไม่ค่อยได้ฟังคลิปผม ฟังเยอะๆนะ เราจะได้แม่นหลักปฏิบัติ คลิปเสียงธรรมบรรยายชุดซ้อมรบฟังให้เยอะๆ มีคำถามนึงที่ผมอยากให้ทุกคนถามตัวเองว่าเรามาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมทำไม เราปฏิบัติธรรมทำไม ลองถามตัวเองแล้วก็ตอบตัวเอง ทุกคนมีคำตอบหรือยัง

ผมเชื่อว่าหลายๆ คำตอบมีเป้าประสงค์ว่าเมื่อปฏิบัติธรรมแล้วเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เราจะสามารถอยู่ในโลกได้ดีขึ้น นั่นไม่ใช่เป้าหมายของผม ทุกคนที่อยู่ในคอร์สนี้ ผมอยากให้เข้าใจว่า เราปฏิบัติธรรมเพื่อให้พบความเป็นจริงว่าชีวิตนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีเราจริงๆ อยู่ในชีวิตนี้ ถ้าเรายังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน การปฏิบัติธรรมจะอยู่แค่ครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

เราปฏิบัติธรรมเพื่อการเรียนรู้ความเป็นจริงว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตนี้ เราไม่ได้เป็นใคร ให้รู้ความจริงว่าไม่มีใคร เพราะฉะนั้น มันต่างไปกับที่เรากำลังจะคิดว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่อเราจะนำไปใช้ในชีวิตให้ดีขึ้น เป้าหมายของคนที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่สวนทางกับสิ่งที่ผมกำลังสอน ถ้าเรายังปฏิบัติธรรมเพื่อจะสนองความเป็นเราให้แข็งแกร่งขึ้น เราปฏิบัติไปเท่าไหร่มันก็ถึงทางตันตลอด เข็มทิศเราเสียตั้งแต่แรก

คนที่บ้านเรา เห็นเรามาปฏิบัติธรรม พอเรากลับบ้านไป ทุกคนหวังว่าเราจะเป็นคนที่ดีขึ้น… คิดผิด เราไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เป็นคนที่ดีขึ้น เราปฏิบัติธรรมเพื่อที่จะรู้ว่า “ไม่มีคน” และเป็นเรื่องที่เรารู้คนเดียว คนที่บ้านที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้รู้ด้วย ไม่ต้องหวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่เรามาเรียนรู้

ครั้งหนึ่งมีคนด่าพระพุทธเจ้าบอกว่า “ท่านเป็นคนไม่มีหัวใจ” พระพุทธเจ้าบอกว่า “ใช่ ถูกแล้ว” เขาก็ด่าซ้ำอีกเพราะเห็นพระพุทธเจ้าไม่เจ็บ “ท่านมันไม่ใช่คน” พระพุทธเจ้าตอบ “อืม ก็ถูกอีก”

เรากราบไหว้พระพุทธเจ้าหรือพระพุทธรูปทุกวัน เวลาเรากราบ กราบให้ถึงพระพุทธเจ้า ไม่ได้กราบด้วยความงมงาย เฮงๆ รวยๆ ให้เจ้าที่เจ้าทางคุ้มครอง ชีวิตเราเติบโตมาเต็มไปด้วยความเห็นผิด เต็มไปด้วยความงมงาย เต็มไปด้วยความเชื่อ ไม่เคยมีปัญญาเลย มีแต่ความเชื่อกับทำตามกิเลสตัณหา ทำอยู่ 2 อย่าง เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูกเข้าใจให้ถูกว่าเรามาปฏิบัติธรรมทำไม เรามาเข้าคอร์สทำไม ผมสอนอะไร ผมไม่ได้สอนสิ่งที่เป็น Mass อะไรที่ดีแต่เป็นมิจฉาทิฏฐิผมไม่สอน ผมสอนความจริง ไม่ได้สอนความสวยงาม

เราทุกคนต้องตื่นขึ้นมาจากโลกของความฝันทั้งหมด ชีวิตที่ผ่านมาของเราในอดีตล้วนเป็นความฝัน ทำไมเป็นความฝัน เพราะเราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ “มิจฉาทิฏฐิ” ทั้งชีวิต ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเชื่อว่ามีเรา มีเขา มีสังคม มีโน่น มีนี่ เราเป็นสัตว์สังคมจำได้ไหมที่เคยเรียนมา มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราถูกใส่ข้อมูลผิดๆ มาตั้งแต่เกิด เราก็ยังเชื่ออยู่ เรายังเชื่อว่าเราต้องทำงาน เรายังต้องอยู่ในโลกเรา ต้องทำนี่ทำนั่นเพราะเราเชื่อว่ามีเราจริงๆ ชีวิตต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น แต่มันก็ยังทุกข์ ทำทุกทางแล้วมันก็ยังไม่หายทุกข์ จนตรอกแล้วเลยต้องมาปฏิบัติธรรม แล้วก็หวังว่าเดี๋ยวจะเอาไปใช้ในชีวิต ให้ชีวิตดีขึ้น เข้าใจไหม เราก็ยังคงถูกครอบด้วยความเห็นผิดเหมือนเดิม

ความเห็นผิดนี่มันรุนแรง แนบเนียนโหดร้าย ให้ทุกข์กับเราไม่หยุดไม่หย่อน หลอกให้เราเชื่ออย่างสนิทใจ เรากำลังจะถอดถอนความเห็นผิดที่มีอยู่ในดวงจิตนี้ ที่ไม่ใช่มีอยู่แค่ 30 40 50 60 ปี มันมีมาหลายภพหลายชาติแล้ว เอาหัวกระโหลกของเราที่เกิดตายมาวางบนพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมดก็ไม่พอ มิจฉาทิฏฐิอยู่กับเรามานานแสนนานนับเวลาไม่ได้เลย เรามาปฏิบัติธรรมเพื่อจะล้างความเห็นผิดนี้ ความเห็นผิดที่มันติดเหนียวแน่นในจิตใจเรา แล้วเราคิดยังไง…ปฏิบัติปีละ 5 วันพอ 2 เดือนครั้ง อาทิตย์ละหน คิดว่าจะล้างออกไหม เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูก คิดพิจารณาให้ดี โอกาสในชีวิตนี้มีไม่เยอะ ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ไม่รู้จะป่วยเมื่อไหร่ จำไว้ให้แม่น เราปฏิบัติธรรมเพื่อจะล้างความเห็นผิดว่ามีเราจริงๆ ไม่ใช่เพื่อให้ชีวิตนี้ดีขึ้น

พระพุทธเจ้าบอกว่า “กายและจิตนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ” ชีวิตดีขึ้นไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ โลกนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ เพราะโลกนี้มีแต่กิเลส มันดีขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราตั้งความเห็นให้มันถูก เราจะได้เดินถูก อย่าเอาเรื่องไม่จริงมาเป็นเรื่องจริง แล้วเอาเรื่องจริงๆ เอาไว้ก่อน

 

ตอนที่ 2 แก้ที่ตัวเอง

พวกเราทุกคนมีโทสะเยอะ โกรธง่ายหายเร็วหรือเปล่า…ไม่รู้ บางคนก็มาปฏิบัติธรรมจะหาวิธีจัดการกับความโกรธ ถ้ามาฟังธรรมเราก็จะได้คำตอบ เช่น เจริญเมตตาให้มาก พอลองไปเจริญดู…ทำไม่ได้ มันยังโกรธอยู่อ่ะ หาเมตตาไม่เจอ ไม่รู้เจริญยังไง เจริญได้แค่โกรธอย่างเดียว

ที่พูดว่า “เจริญเมตตา” เพื่อเป็นอุบายลดความโกรธลง ถ้าในภาษาทันสมัยหน่อยก็คือ การรู้จักคิดบวก เอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจเขาให้มาก ผมว่าหลายคนทำแล้วแหละพอถึงจุดหนึ่งก็ปรอทแตกปรี๊ด ระเบิดตู้ม เรื่องราวทั้งหมดไม่เคยลืม ขุดมาด่าตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว เนี่ย เจริญเมตตา คิดบวก เอาใจเขามาใส่ใจเรา มันได้เหมือนกัน…แต่ชั่วคราว

เราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ในชีวิตเราจริงๆ ต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมจริง ถ้าเราปฏิบัติธรรมจริง กิเลสจะถูกลด ละ และล้างไปจริงอย่างถาวรไม่ใช่ชั่วคราว เราพยายามทำเรื่องชั่วคราวมาทั้งชีวิตแล้ว ผมว่าพอแล้ว ทำอะไรที่มันเป็นถาวรบ้าง

ถ้าเราทำเรื่องชั่วคราว มันก็จะเป็นอีหรอบเดิมนั่นแหละ วนลูปเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คุ้มดีคุ้มร้าย…เป็นคนบ้า เคยได้ยินไหม คนนี้เขาเกลียดเรา เราต้องแผ่เมตตาให้เขา แผ่บุญกุศลให้เขา ไม่ต้องแผ่หรอก เอาของไปให้เขา แล้วดูว่าเขาเอาไหม เช่น ซื้อก๋วยเตี๋ยวไปฝากสักถุงนึงดูว่าเขาเอาไหม เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคือ “แก้ที่ตัวเองล้างความเห็นผิดว่ามีเราเป็นเจ้าของชีวิตนี้ให้ได้ แล้วใครจะโกรธ จะเกลียด อาฆาตพยาบาทเรา มันก็ไม่ถึงเราเพราะไม่มีเรา

เมื่อเราหมดความเห็นผิด สิ้นอาสวะกิเลส เราจะไม่กลับไปใช้ชีวิตในโลกหรอก มันมีสิ่งที่สำคัญ มีหน้าที่ที่สำคัญมากกว่านั้น อย่างที่พระพุทธเจ้าบอกนางยโสธราว่า “เราเป็นสมบัติของโลกนี้แล้ว” ในความหมายก็คือว่า เรามีหน้าที่ที่จะต้องเผยแผ่ความจริงที่ค้นพบนี้แล้วให้กับผู้ที่มีธุลีในตาน้อย พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้กลับไปเป็นกษัตริย์ต่อ ไม่ได้ไปสานต่อกิจการที่บ้านต่อ

เพราะฉะนั้น ที่ผมบอกตั้งแต่แรกว่า เราไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อจะกลับไปใช้ชีวิตในโลกให้ดีกว่านี้ มันเป็นเรื่องคนละเรื่อง…ฟ้ากับเหวเลย เหมือนเราอยู่คนละระนาบ เราต้องเข้าใจสิ่งที่ผมพูดนี้ เราจะได้เลือกชีวิตได้อย่างถูกต้องว่าเราจะเอาแบบไหน

 

02-12-2562

Camouflage

 

คอร์สปฏิบัติธรรมวิถีชีวิตใหม่ 30 พย – 4 ธค 2562

YouTube : https://youtu.be/rghkkd18yWc

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://lin.ee/hHJprqr

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
https://camouflagetalk.podbean.com/