155.วิถีชีวิตใหม่ : 1 วิถีชีวิตใหม่

ตอนที่ 1 วิถีชีวิตใหม่

เริ่มรู้จักวิถีชีวิตใหม่ เริ่มที่นี่ ที่ๆเราจะไม่ไปตามความเคยชินเก่าๆ ที่ๆเราจะไม่ใช่ว่างๆ แล้วก็หยิบมือถือมาดู เริ่มลดละเลิกวิถีชีวิตเก่าๆ แล้วสิ่งใหม่จะเกิดขึ้น เราไม่สามารถจะเติมน้ำเน่าและน้ำดีพร้อมๆ กันแล้วหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เรามีหน้าที่หยุด…หยุดทำสิ่งที่ไม่เอื้อต่อการมีสติ แล้วสติจะเกิดขึ้น เราไม่ต้องรีบมีสติ อย่างแรกที่ต้องทำคือ หยุดทำสิ่งที่ทำให้ขาดสติ แล้วสติจะเกิดขึ้นเอง

การเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตการปฏิบัติธรรม เป็นที่ๆ เราจะได้ฝึก มีเวลาที่จะฝึกวิถีชีวิตใหม่ ได้รู้จักวิถีชีวิตแบบใหม่ ได้รู้จักว่าความรู้สึกตัวนี้เป็นยังไง ได้รู้จักว่าการที่เราไม่ทำตามความเคยชินเก่านั้นมันช่วยให้เรามีสติยังไง แล้วเราก็นำมันไปใช้ในชีวิตประจำวันของเรา ให้วิถีชีวิตที่นี่เป็นวิถีชีวิตที่เหลือทั้งหมดในชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น การปฏิบัติธรรมไม่มีวันก้าวหน้า การมาเข้าคอร์สควรจะได้ 100 ก็ได้แค่ 1 แค่นั้น

การฟังธรรมจะช่วยทำให้เราเข้าใจหลักปฏิบัติธรรมอย่างแม่นยำ เราจะไม่ถูกใครหลอก เราจะไม่หลงทาง 4-5 วันนี้เราจะได้ฟังเรื่องเดิมๆ จนกว่ามันจะประทับเข้าไปในใจของเรา จนกว่ามันจะเข้าไปในชีวิตและเลือดเนื้อของเรา

เราเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หลับตา เรามองย้อนกลับไปในชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้มีอะไรดีกับชีวิตบ้างไหม ชีวิตเรายังมีทุกข์อยู่ไหม เหมือนเดิมไหม ถ้า 40 50 60 70 ปียังไม่มีอะไรดีขึ้น นั่นเพราะการใช้ชีวิตของเรานั้นผิด ต้องตระหนักรู้แล้วว่าถ้าจะใช้ชีวิตแบบเก่าต่อไปมันจะมีอะไรดีขึ้นได้ไหม เริ่มจากตรงนี้ก่อน เข้าใจชีวิตตัวเองก่อน เราจะปฏิบัติธรรมได้ดีมันต้องเกิดจากความเข้าใจ ไม่ใช่ใครมาบอกเราว่าดีแล้วถึงทำ เราต้องเข้าใจชีวิตด้วยตัวเราเองว่าที่ผ่านมามันเป็นยังไง แล้วถ้าเราจะดันทุรังทำแบบเก่าไปเรื่อยๆ จะเรียกว่า “โง่หรือฉลาด”

เราทุกคนมีเวลาไม่มาก เราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะเดินไม่ได้ ความเจ็บป่วยไม่ได้มาตามลำดับอายุเพียงอย่างเดียว ถ้าถึงเวลากรรมมาตัดรอนให้เจ็บป่วยก็ต้องเจ็บป่วย เพราะฉะนั้น ถ้าวิถีชีวิตเก่ามันไม่เวิร์ค ก็ได้เวลาที่จะต้องเห็นความสำคัญของวิถีชีวิตใหม่ วิถีชีวิตเก่าคือวิถีชีวิตแห่งความหลง อยู่อย่างเป็นผู้หลง หลงโลก หลงเงินทอง หลงอาหารการกิน หลงความสบาย หลงละคร หลงคอนเสิร์ต หลงเดินช็อปปิ้ง ใช้ชีวิตไร้สาระไปทุกวัน ทั้งหมดที่พูดคือ “ลืมตัว” มีร่างกายอยู่ไม่เคยรู้สึก มีจิตใจที่จะปรุงแต่งอารมณ์ต่างๆ ไม่เคยรู้ทัน จิตใจปรุงแต่งอะไรก็ตามมันไป มันอยากก็ตามมันไป มันไม่อยากเป็นแบบนี้ก็โกรธ ตามมันไปทุกอารมณ์ความรู้สึก ร่างกายเป็นยังไงไม่เคยรู้ กลืนน้ำลายเอื้อกๆ รู้ไหมว่าอะไรขยับบ้าง…ไม่เคยรู้ กลืนไปก็คิดไป กินไปก็ดูโทรศัพท์ไป อยู่ที่นี่ก็คิดถึงที่นู่น อยู่ที่นู่นก็คิดถึงที่นี่

เพราะฉะนั้น วิถีชีวิตใหม่คือ วิถีชีวิตแห่งการรู้อยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เป็นยังไงรู้ไหม นั่งอยู่แบบนี้รู้ไหม น้ำหนักที่อยู่ที่ก้นรู้ไหม หนักเท่ากันไหม 2 ข้าง เรานั่งอยู่หลังตรงหลังโค้งรู้ไหม ตาที่หลับอยู่มันหลับสนิทเลยไหม มันขยับไหม ฝึกที่จะรับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางร่างกาย อย่าเป็นคนลืมตัว

เมื่อเราเริ่มรู้สึกตัว เราจะรู้สึกถึงจิตใจได้ ความรู้สึกทางจิตใจแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ คือ มีอารมณ์ มีความรู้สึกอะไรรู้ไหม ตอนนี้อารมณ์เป็นยังไงรู้ไหม ปกติ สงบ ไม่มีอะไร เราก็รู้ ไม่ใช่จมไปในความสงบ ไม่ใช่ไปชอบความปกติ ไม่ใช่อยากได้จิตใจที่มันสบาย เรามีหน้าที่แค่รับรู้อย่างที่มันเป็น กายและจิตนี้ไม่ใช่ของเรา เพราะฉะนั้น สิ่งที่เนื่องด้วยกายและจิตนี้จึงไม่ใช่ของเราเหมือนกัน

วิถีชีวิตใหม่คือ การใช้ชีวิตแบบปลาเป็น คือรู้จักว่ายทวนน้ำ จิตใจมีความอยาก มีความโกรธ มีความใคร่ เรามีหน้าที่รู้ ไม่ใช่ตาม เราทำมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้ายังทำเหมือนเดิมเราก็เป็นปลาตาย เป็นคนที่ตายแล้ว ไม่มีคุณค่าอะไร เป็นศพเดินได้เฉยๆ จิตใจก็จะมืดมิดเพราะเต็มไปด้วยความหลง ใช้ชีวิตแบบมืดมิด จิตใจที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สว่าง…สว่างออกมาข้างนอกเลย

เพราะฉะนั้น เริ่มจากตรงนี้ เริ่มที่จะรู้จักตัวเองจริงๆ ฝึกที่จะรู้จักตัวเอง เลิกรู้จักเรื่องคนอื่น เรื่องนอกตัว สิ่งอื่น เริ่มวิถีชีวิตใหม่กลับมาเรียนรู้ที่ตัวเอง

 

ตอนที่ 2 เจริญวิถีชีวิตใหม่

หายใจแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างรู้ไหม กล้ามเนื้อท้องส่วนไหนขยับบ้าง ส่วนไหนของร่างกายขยับบ้าง รู้สึกได้ไหม ผมไม่ได้บอกให้เราต้องตั้งใจหายใจนะ เราหายใจเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เราเคยรู้ไหมว่าเมื่อหายใจแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรานั่งอยู่นิ่งๆ นั้นนิ่งจริงไหม มีคลื่นพลังงานวิ่งวนอยู่ในตัวเราตลอดเวลา มันไม่นิ่งหรอก

ถ้าใครหลับให้ลืมตาขึ้น เราต้องตื่นก่อน ถ้าไม่ตื่นเราเห็นความเป็นจริงไม่ได้ เราแค่รับรู้ รู้อย่างที่มันเป็น ปราศจากความคาดหวัง ปราศจากเป้าหมาย ปราศจากความคิดว่ามันจะต้องเป็นอย่างไร มันไม่ใช่เรา ไม่ต้องหวังให้มันเป็นยังไง

“รู้อย่างที่มันเป็น เห็นตามความเป็นจริง นี่คือหลัก” ที่จะต้องอยู่ในหัวใจของทุกคน ทางธรรมะเขาเรียกว่า “การเจริญสติ” ฟังดูยากๆ แต่ผมจะใช้ภาษาง่ายๆ

วิธีประเมินตัวเอง ทุกวันเราได้เจริญวิถีชีวิตใหม่หรือยัง ถามตัวเอง ไม่มีใครเตือนเราได้เท่ากับตัวเองเตือนตัวเอง สอนตัวเอง พึ่งตัวเอง เราอย่าคาดหวังว่าการมาคอร์สจะต้องมีคนมาบอกเราสอนเราแนะเรา เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องเล็กมาก แต่พวกเรานักปฏิบัติธรรมคาดหวังว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่เราจะได้ถ้าเรามาเจอครูบาอาจารย์

สิ่งที่เป็นพลังสูงสุดที่จะช่วยให้เราเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้คือ “การเจริญวิถีชีวิตใหม่ขึ้นมาให้ได้นั่นคือการพึ่งตัวเองให้ได้ คนที่มาเข้าคอร์สนี้จะต้องกลับไปพร้อมกับความรู้สึกที่เราพึ่งตัวเองได้ ถ้าเรารู้สึกอย่างนั้นแปลว่าเราเข้าใจหลักการปฏิบัติธรรม ถ้าเราไม่รู้สึกแบบนั้นวิ่งหาคนบอกเรา คนแนะเรา กลัวผิด นั่นแปลว่าเรายังไม่เข้าใจหลักการปฏิบัติธรรม

ถ้าเรามีหน้าที่แค่รู้ รู้อย่างที่มันเป็น อะไรก็ได้ แล้วมันจะผิดได้ยังไง “มันมีแค่รู้กับไม่รู้” แค่นั้น บางคนอาจจะบอกว่าที่รู้ก็กลัวว่ายังรู้ไม่ถูก เห็นความกลัวไหม ถ้าเห็นก็จะรู้ถูกทันที ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้เป๊ะพอดีทุกครั้ง การเรียนรู้ของแต่ละคนนั้นมันจะรู้เฉี่ยวบ้าง รู้โฉบบ้าง รู้ไม่เป๊ะบ้าง นี่คือเรื่องธรรมชาติ แล้วเดี๋ยวมันเป๊ะเอง ความเป๊ะไม่ใช่เกิดจากเราพยายาม มันเป็นเรื่องของเหตุปัจจัย ถ้าเราพยายามแปลว่าเราทำได้ นั่นคืออัตตา อย่าหลงทางงมงายแบบนั้น ถ้าคนไหนปฏิบัติธรรมแล้วยังพูดอยู่ว่าปฏิบัติดี ปฏิบัติไม่ดี เป็นการเข้าใจผิด วันนี้ไม่ค่อยรู้ วันนี้รู้เยอะ เนี่ยเรามีแค่นี้

เพราะฉะนั้น 4-5 วันนี้ ขอให้ทุกคนเริ่มที่จะคุ้นเคย สร้างความคุ้นเคยที่จะรู้จักวิถีชีวิตใหม่ อะไรที่อยู่ในโลกวางไว้ก่อน ใช้เวลาที่จะรู้จักวิถีชีวิตใหม่ให้มันเป็นโมเมนตัมกลับไปในโลกด้วย

สังเกตไหมว่าแม้ว่าจิตใจจะสงบ ปกติ แต่เราก็ยังรู้สึกถึงความขยับเขยื้อนนิดๆ หน่อยๆ ของร่างกายได้ เราไม่ลืม ถ้าเราไม่ลืมแปลว่าเราไม่จมไปกับความสงบ ถ้าเราไม่จม เราตื่นรู้อยู่ ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา ความรู้สึกก็เท่ากัน ตื่นเท่ากัน

 

30-11-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/nK0sH9kIS-M

คอร์สปฏิบัติธรรมวิถีชีวิตใหม่ 30 พย – 4 ธค 2562

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://lin.ee/hHJprqr

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
https://camouflagetalk.podbean.com/