135.สารพัด

ตอนที่ 1 อดทนรู้ซื่อๆ ไป

เวลาเราเริ่มนั่งสมาธิเคยสังเกตเห็นไหมว่าเรากำลังหาว่าจะทำอะไรดี เคยเห็นความดิ้นรนของตัวเองไหม  นั่งปุ๊บมึนๆ เบลอๆ ฟุ้งซ่าน แล้วก็งงๆ จะทำยังไงดี หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มทำอะไรบางอย่าง เช่น ฟุ้งซ่านเยอะ ก็รู้ลมหายใจดีกว่า รู้สึกตัวดีกว่า แล้วเราก็ทำแบบนั้นไปภายใต้ความขับดันบางอย่าง ความต้องการที่จะแก้ไขสถานการณ์ก่อนหน้า

กับอีกแบบหนึ่งเราเริ่มนั่ง จิตใจก็ฟุ้งซ่าน ยังไม่รู้ว่าจะรู้อะไรดี สับสน แล้วเราก็แค่รู้สึกว่า เรามีหน้าที่ที่จะมีกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง เช่น ลมหายใจ หรือความรู้สึกตัว จะเห็นว่าสองคนทำเหมือนกัน จะรู้ลมหรือรู้สึกตัวก็ทำเหมือนกัน แต่ภายใต้ “ความอยาก” กับภายใต้ “หน้าที่” หัวใจของคนสองคนที่ไม่เหมือนกันก็ให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราดูตัวเองว่าเราอยู่ในคนประเภทไหน

เราทุกคนเคยอยู่ทั้ง 2 ประเภท แต่ถ้าเราอยู่ในประเภทที่ทำหน้าที่ เมื่อเกิดความอยากที่จะเข้าไปจัดการให้ดีกว่านี้ เราจะเห็นอาการทางจิตใจแบบนั้น เราเห็นซ้อนมันลงไปอีกทีนึงว่า ตอนนี้กำลังดิ้นรนแล้ว กำลังทำอะไรเข้าแล้ว แล้วพอเรารู้ทันแบบนั้น การปฏิบัติธรรมเราจะรู้สึกสบายขึ้น เป็นธรรมชาติขึ้น ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าไม่มีใครต้องทำอะไร ถ้าเราต้องทำอะไรสบายไหม ไม่สบายใช่ไหม ต้องไปทำงาน ต้องไปทำนี่ทำนั่น ไม่สบายใช่ไหม นั่งเฉยๆ สบายกว่า

การปฏิบัติธรรมมันก็เป็นความสบายๆ คล้ายๆ เรานั่งเฉยๆ นั่นแหละ ไม่มีภาระ แต่แน่นอนว่าภาระมันชอบมาหาเรา แล้วเราก็ชอบสร้างภาระต่อ ในภาวะแบบนั้นเราต้อง “อดทน” อดทนที่จะไม่ทำอะไรเพิ่มเข้าไปอีก อดทนที่จะแค่รู้ว่าตอนนี้เป็นแบบนี้ อดทนที่จะอยู่กับหน้าที่ เช่น รู้สึกถึงความมีอยู่ของร่างกายนี้ มีหน้าที่รู้สึกจิตใจทำงาน ปรุงแต่งไปไหนต่อไหน มีหน้าที่รู้ อดทนที่จะรู้สภาวะตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ เรียกว่า “การเจริญสติปัฏฐาน

รู้มันซื่อๆ ไป มันจะยังอึดอัดอยู่ มันจะยังขมุกขมัวอยู่ มันยังไม่ดีเหมือนที่เคยดี ก็อดทนรู้ซื่อๆ ไป

 

ตอนที่ 2 ต้องใช้ชีวิตให้มันถูกก่อน

เราเจริญสติปัฏฐานไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งสัมมาสติเกิดขึ้น “สัมมาสติ” คือ สติที่เป็นอัตโนมัติเกิดขึ้น สติอัตโนมัติ หมายความว่า เราไม่ต้องคอยระลึกรู้ มันระลึกรู้ของมันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา

เหมือนบางครั้งนั่งสมาธิเริ่มเคลิ้มไปหน่อย สติเกิดขึ้นเอง เพราะมันจำภาวะเมื่อจิตหลงออกไปได้ จากการที่เราเคยฝึกเจริญสติ เวลามันหลงไปแล้วเรารู้ขึ้นมา ทีหลังมันจำได้ มันออกไปปุ๊บ มันรู้เองเลย จังหวะที่มันรู้เองนี่แหละ เรียกว่า “สติอัตโนมัติ” หรือเรียกว่า “สติตัวจริงเกิด สัมมาสติเกิด” แล้วเมื่อสัมมาสติเกิดจะได้สมาธิทันที ที่เรียกว่า “สัมมาสมาธิ หรือว่าจิตตั้งมั่น” ซึ่งก็แล้วแต่กำลังของสัมมาสติ ถ้าสัมมาสติแรงเท่าไหร่ สมาธิก็มีกำลังตั้งมั่นมากขึ้นเท่านั้น

เรามีหน้าที่ฝึกเจริญสติปัฏฐาน 4 ไปเรื่อยๆ

อริยมรรคมีองค์ 8 เริ่มจาก “สัมมาทิฏฐิอริยมรรคมีองค์ 8 คือ การใช้ชีวิตที่ถูกต้องบนพื้นฐานของสัมมาทิฏฐิ

ถ้าเรามีสัมมาทิฏฐิ รู้ว่ามีหน้าที่เจริญสติปัฏฐาน มรรคทั้ง 8 ก็เจริญขึ้นอัตโนมัติพร้อมกัน

ถ้าเราเคยอ่านอริยมรรคมีองค์ 8 เราจะเห็นว่าสัมมาสติและสัมมาสมาธิอยู่ที่ข้อ 7 และข้อ 8 กว่าจะถึงสัมมาสติ สัมมาสมาธิ “ต้องใช้ชีวิตให้มันถูกก่อน” การพูด การคิด การทำอะไรให้มันถูกต้อง

ผมเคยบอกว่าให้เราหันกลับมาดูจิตใจ รู้จักสภาพที่ปกตินี้ไว้ สภาพที่ปกตินี้มันมีอยู่กับเราอยู่แล้ว แต่เราไม่เอา เราชอบผิดปกติ ปกตินี่มันน่าเบื่อ เราเลยหลงลืมสิ่งที่มีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ให้หันมารู้จักสภาพปกติแบบนี้ เมื่อคนเราจิตใจเป็นปกติ เรียกว่า มีศีล ศีลแปลว่าปกติ เมื่อปกติแล้วเราจะไม่คิดชั่ว เราจะไม่พูดชั่ว เราจะไม่ทำชั่ว จิตใจที่ปกติก็ไม่มีแรงขับดันให้ไปทำอะไรในทางที่ผิด

เมื่อเราได้รู้จักจิตใจที่ปกติแล้ว เราจะเริ่มตื่นขึ้นมา เจริญสติปัฏฐาน 4 รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ

 

ตอนที่ 3 สารพัด

เรารู้สึกอยู่ที่กายที่ใจนี้ ไม่ใช่บังคับให้อยู่ที่กายที่ใจนี้ เราต้องแยกให้ออก 2 คำนี้ มีหน้าที่แค่รู้สึกอยู่ที่กายหรือที่ใจนี้ กับบังคับให้รู้สึกอยู่ที่กายที่ใจนี้ รู้สึกถึงความแตกต่างของการแค่รู้สึกกับการบังคับให้รู้สึกได้ไหม

เราทุกคนจะมีช่วงจังหวะที่มักจะบังคับอยู่เรื่อยๆ แค่หลงไปฟุ้งซ่านสักพัก แล้วมันก็ละอายใจรู้สึกว่า อุ้ย ต้องรู้สึกตัวแล้ว นั่นแหละจะบังคับเลย หลังจากนั้นก็จะควบคุม ประคอง คอยจะรู้ ตอนนั้นน่ะลองสังเกตความรู้สึกในใจ จะรู้สึกอึดอัด คับแคบ หนักแน่น เพราะฉะนั้น เราต้องรู้ทันซ้อนลงไปอีก ไม่งั้นมันก็คาอยู่ตรงนั้น ทําอยู่อย่างนั้น ทำจนนึกว่าไม่ได้ทำ

เวลาจิตมันไหลไปคิด แล้วรู้ทันขึ้นมา มีความรู้สึกไหมว่าไม่ดี หรือว่าแค่รู้ว่ามันไปคิดแล้ว การที่เรารู้สึกว่า อุ้ย ไม่ดี แล้วเราก็อัตโนมัติจะคิดทันทีเลยว่าต้องรู้สึกตัวให้มันหนักแน่นกว่านี้ แล้วก็หนักจริงๆ ทั้งหนักทั้งแน่นเลยทีนี้ ตามความคิดของเรา

สังเกตว่าปัญหาอะไรเกิดขึ้นรู้ไหม เราติดอยู่กับสิ่งที่ผ่านไปแล้วเมื่อกี้นี้ ความคิดนั้นถูกรู้ไปแล้ว ปัจจุบันนี้เรารู้สึกตัวแล้ว แต่เราติดอยู่กับอดีตคือเมื่อกี้ที่ไปคิดนั่นไม่ดี เราจะแก้ไขอดีต เราไม่ได้รู้อยู่ว่าตอนนี้เรารู้สึกตัวแล้ว อดีตผ่านไปแล้วเมื่อกี้นี้ อดีตส่งผลให้เกิดการรู้สึกตัวขึ้นมาในปัจจุบันนี้แล้ว เห็นไหมว่าแม้กระทั่งการปฏิบัติธรรมเรายังติดกับอดีตได้เลย

ในการปฏิบัติธรรมนั้น พวกเราโชกโชน…ไม่ใช่โชกโชนในการปฏิบัติธรรมนะ แต่โชกโชนในการเก็บข้อมูล สารพัดอาจารย์ สารพัดหนังสือ สารพัดเทคนิค วิธีการ อุบายอันแยบคาย ส่งผลให้เราติดสารพัดนั่นแหละ

ผมดูๆ แล้ว ถ้าเราย่นย่อการปฏิบัติธรรม เข้าใจหลักการปฏิบัติว่าเรามีหน้าที่รู้ว่า แท้จริงเราเป็นแค่ธาตุรู้ ธาตุรู้มีหน้าที่แค่รู้ รู้อะไร? รู้อย่างที่มันเป็น เห็นตามความเป็นจริง ไม่มีเราอยู่ในสิ่งที่ถูกรู้นั้น เราเข้าใจตัวจริงของเรา แล้วทำหน้าที่ตามคุณสมบัติของตัวจริงของเรา แล้วมันจะได้แค่ไหนก็แค่นั้น มันจะยังไม่ใช่สติตัวจริง ยังไม่ใช่สัมมาสมาธิ ยังไม่ตั้งมั่น มันยังไม่บลาๆๆๆ อะไรก็แล้วแต่ มันก็จบลงด้วยว่าอะไร? ตอนนี้ทำได้แค่นี้แหละ ตอนนี้รู้ได้แค่นี้แหละ เท่าที่เหตุปัจจัยมันมีให้ที่จะรู้ได้ มันยังไม่ดี มันยังไม่เกิดมรรคสมังคี ยังไม่ตั้งมั่นเต็มที่ ยังไม่อะไรก็ตามที มันเป็นสิ่งที่เราเรียกร้องไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราโหยหาไม่ได้ เขาบอกเรายังไม่ดี เราจะทำให้ดีกว่านี้ เราก็ตกม้าตายตรงนี้แหละ

สิ่งที่เราทำได้ คือ “ใช้ชีวิตให้ถูกต้อง” อะไรที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดการเห็นตามความเป็นจริงก็อย่าทำ สิ่งแวดล้อมอะไรส่งเสริมให้ฟุ้งซ่านก็อย่าอยู่ เราแค่จัดชีวิตตัวเองให้มันถูกต้อง ให้มันพอดี แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่บนหน้าที่ของมรรคมีองค์ 8 นี้ รู้อย่างที่มันเป็น เห็นตามความเป็นจริง แล้วได้เท่าไหนก็เท่านั้น

การปฏิบัติธรรมหรือที่ผมเรียกว่า “การใช้ชีวิต” มันเป็นของที่เร่งรีบไม่ได้ มันเป็นงานที่ปราณีต ช่างสังเกต เรียนรู้ชีวิตนี้ เราต้องใช้หัวใจ ใช้ทั้งชีวิต ที่จะเรียนรู้ความจริงของกายและใจนี้ เราไม่ได้มาทำเรื่องเล่นๆ

 

22-09-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/2jitDRLyjp4

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S