134.คนละหัวใจ

ตอนที่ 1 คนละหัวใจ

เราลองปฏิบัติธรรมแบบเห็นตามความเป็นจริง…ลองดู “รู้อย่างที่มันเป็น” ปฏิบัติแบบไม่มีใครจะได้อะไรทั้งนั้น มีแต่เห็นตามความเป็นจริง เช่น โอ้! เห็นจิตหลงไปคิดเยอะ ทำไมมันฟุ้งซ่านอย่างนี้ แต่ถ้ามีคนได้อะไร จะเป็นอีกแบบ เช่น โอ้โห! แย่ละ วันนี้ปฏิบัติไม่ดีเลย จิตทำไมฟุ้งซ่านขนาดนี้ วันนี้แย่ เห็นไหมคนเราทำเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกันแต่ใช้ “คนละหัวใจ

ถ้าเห็นตามความเป็นจริง มันไม่มีหรอกว่าแย่หรือไม่แย่ ดีหรือไม่ดี ก็เห็นเป็นอย่างนั้น วันนี้มันเป็นอย่างนี้ หรือชั่วโมงนี้มันเป็นอย่างนี้ เนี่ย! อันนี้สำคัญมาก ผมเห็นคำถามของแต่ละคนที่จะมาถามผม ดูๆแล้วเนี่ยเพราะเราไม่เข้าใจหัวใจอันนี้ คือมันมีคนจะทำ จะเอา จะให้มันดี ทุกคำถามมีเบื้องหลังคืออันนี้เลย และถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตการปฏิบัติธรรมก็ไม่ต้องไปไหน ก็อยู่อย่างนั้นแหละ เพราะมันมีแต่ “อัตตา” ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วเราไม่มีหัวใจที่จะเห็นตามความเป็นจริงแค่นั้น การปฏิบัติทั้งหมดก็เป็นหมัน

เราทุกคนในที่นี้ลองนึกย้อนไปก่อนที่เราจะมารู้จักการปฏิบัติธรรมแบบนี้ สังเกตไหมว่าเมื่อก่อนนี้มันมีแต่เราจะเอา มันมีแต่ดีไม่ดี …เนี่ย! มันคนละอารมณ์ความรู้สึกในการปฏิบัติเลย แล้วคิดดูว่าถ้าเรายังอยู่อย่างนั้นเหมือนเมื่อก่อนนี้จนถึงตอนนี้จะเป็นยังไง

ความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมไม่สำคัญเท่า “หัวใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรม” ถ้ามีหัวใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรม แล้วมันจะช้าจะเร็วไม่ต้องกังวลเลย ช้าก็ได้…ช้าแต่ชัวร์ มันจะมีกรรมมาบังแค่ไหน แต่ขอให้มีหัวใจที่ถูก กรรมหลายๆ อย่างมันจะมาทำให้เราช้าก็ไม่เป็นไร ขอให้มีหัวใจที่ถูก ไม่บรรลุธรรมชาตินี้ก็ไม่เป็นไร ขอให้มีหัวใจที่ถูก มันจะเป็นนิสัย เป็นอนุสัย เป็นสันดานติดไป เราจะไม่ผิด

เราปฏิบัติธรรมเป็นแค่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เห็นกายและจิตนี้ตามความเป็นจริง เห็นอย่างไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับสิ่งที่เห็นอยู่ ปราศจากพันธะกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังถูกเห็นอยู่ เมื่อเราเป็นแค่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราก็เป็นแค่คนที่ไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งต่างๆ ที่กำลังถูกเห็นไม่ได้สนับสนุนความมีตัวตนอะไร

เรายิ่งปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ ความเป็นตัวเป็นตนก็ลดลงไปเรื่อยๆ แต่วันนึงอวิชชาจะบีบเรา มันจะบีบให้จิตนี้ทุกข์ มันต้องการให้เราสร้างตัวตนขึ้นมา มันจะบอกเราว่าถ้าเราไร้ตัวตนแบบนี้เราจะทุกข์มาก เป็นบุคคลไร้คุณค่า มันแห้งผาก เป็นชีวิตที่เหือดแห้ง มันจะบีบให้เราสร้างตัวตน เหมือนเราเป็นเมล็ดที่จะแห้ง มันจะบีบให้เราสร้างชีวิตขึ้นมา เหมือนเมล็ดพืชที่แห้งๆ เกิดใหม่ไม่ได้แล้ว ความรู้สึกเหมือนมันไม่มีชีวิตชีวาใช่ไหม ส่วนเมล็ดที่สมบูรณ์เกิดใหม่ได้จะเป็นความรู้สึกอุดมสมบูรณ์มีชีวิตชีวา เปรียบเทียบก็คือ อวิชชาจะหลอกเราอย่างนั้น แล้วเราก็จะถูกหลอกด้วย เพราะยังไงเราก็รู้สึกว่าเหือดแห้งกับมีชีวิตชีวา…เราเอามีชีวิตชีวาดีกว่า

เส้นทางแห่งความพ้นทุกข์นี้มันโหดร้าย เราต้องยืนหยัด หนักแน่น เข้มแข็งในหลักการปฏิบัติธรรม “มีหน้าที่แค่รู้” ไม่ว่าจะทุกข์ขนาดไหนก็ตาม แต่เราก็จะพลาดพลั้งซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกัน กิเลสมันฉลาดกว่าเรา ไม่อย่างนั้นมันไม่พาเราเกิดเราตายกันจนทุกวันนี้หรอก แต่เราจะมีบทเรียน บทเรียนก็จะหล่อหลอมเราให้เราเข้าใจกระบวนการของอวิชชามากขึ้นว่ามันทำงานยังไง มันหลอกเรายังไง

ผมถึงเคยบอกว่าปริยัติ เช่น ปฏิจจสมุปบาทเหล่านี้เรียนไว้ก็โอเค แต่อย่าหวังจะไปเข้าใจมันด้วยความคิด เราเข้าใจมันได้จริงๆ จากการเห็นตามความเป็นจริงเท่านั้น เราอย่าไปคิดว่าเราท่องปฏิจจสมุปบาทได้เราจะเห็นแบบนั้นได้… ไม่ได้ เราท่องปฏิจจสมุปบาทได้ ไม่ได้แปลว่าเราจะเห็นอวิชชาได้ จะเห็นอวิชชาได้ต้องปฏิบัติไม่ใช่นั่งทำความเข้าใจทฤษฎี

 

ตอนที่ 2 หัวใจที่ถูก

เราเดินแล้วก็รู้กายรู้จิต สังเกตว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสียไหม? เราอยากให้มันดีกว่านี้ไหม? อยากรู้ชัดกว่านี้ไหม? ตัดสินวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติของตัวเองตลอดเวลาไหม? หรือเราแค่รู้แล้วก็หมดไป รู้แล้วก็จบไป

สิ่งเดียวที่เราจะต้องเห็นคือ “เหตุปัจจัย” เช่น สมมติเราจะเดินเร็วๆ แล้วการรู้เป็นยังไง การหลงเป็นยังไง สมมติเราจะเดินไม่หยุดหัวท้ายเลย แล้วการรู้เป็นยังไง การหลงเป็นยังไง ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีเลย เราแค่จะเห็นความต่าง เมื่อเหตุเปลี่ยนผลลัพธ์ก็เปลี่ยน นี่คือการปฏิบัติธรรม เราจะเห็นทุกอย่างภายใต้เหตุและปัจจัย ไม่ใช่ภายใต้ดีหรือไม่ดี

เวลามีคนมาถามผมว่า เดินและฟังคลิปไปด้วยดีไหม หรือไม่ต้องฟังดี ผมบอกทำทั้ง 2 อย่างแล้วรู้เอง เป็นยังไงก็รู้เอง ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดี ทุกอย่างมีทั้งดีและเสียในตัวมันเอง ไม่ว่าจะดีหรือเสียก็ถูกรู้เหมือนกัน เท่ากัน… นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจของนักปฏิบัติ มีหัวใจให้ถูก การปฏิบัติมันถึงจะถูกได้

ยิ่งเราปฏิบัติมากๆ เราจะเข้าใจว่าทางที่ถูกเนี่ยมันเหมือนเส้นด้ายเล็กๆ เล็กมากๆ ทางที่ผิดมีเยอะเลย เราจะเข้าใจพระพุทธเจ้าเลยว่าทำไมตรัสรู้แล้วถึงไม่อยากสอน คิดหนักอยู่ 49 วันว่าจะสอนยังไงดี แล้วก็เข้าใจเลยว่าพระพุทธเจ้าทำไมถึงเลือกที่จะสอนคน เลือกคนที่มีโอกาสเท่านั้น เพราะมันเข้าใจยาก

เราผ่านประสบการณ์การปฏิบัติธรรมมาเยอะ แต่ละคนเคยได้ยินคำสอนหลายแบบ ผมว่าแบบหนึ่งที่เราได้ยินกันบ่อยของโครงสร้างคำสอน เช่น อย่าให้เป็นแบบนั้นสิ ให้มันเป็นแบบนี้สิ อย่าไปเป็นอย่างนั้น ให้มันเป็นอย่างนี้ เนี่ย! ลองนึกดูเกิดอะไรขึ้น เราจะหาทางทำอย่างเดียวเลย ต้องให้มันเป็นอย่างนี้ อย่าเป็นอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้…แนวๆ นี้มีเยอะ แต่ถ้าปฏิบัติแบบรู้อย่างที่มันเป็น ต้องทำอะไรไหม เห็นตามความเป็นจริง ต้องทำอะไรไหม แค่นี้เราก็จะพอรู้ได้แล้วว่านักปฏิบัติธรรมจำนวนมากเป็นแบบไหน

เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่มีหัวใจที่ถูก และเราไม่ได้เข้มแข็ง ไม่หนักแน่นในหลักการปฏิบัติ เราจะเขวทันที แล้วถ้าเราไปทำอะไรที่มันเขวๆ บ่อยๆ อะไรที่เราทำบ่อยๆ จะกลายเป็นนิสัย นิสัยที่ถูกทำบ่อยๆ จะกลายเป็นอนุสัย เป็นสันดานติดอยู่ เมื่อไหร่เป็นถึงขนาดนั้นแล้วก็แก้ยาก คนที่เคยเพ่งเป็น 10 ปีจะรู้ว่าแก้ยาก ถ้าคนเคยเพ่งมา 10 ชาติก็จะรู้ว่ายากกว่า ดังนั้น ถ้าเรามีอนุสัยสันดานที่จะแก้ไขแทรกแซงจัดการ หรือทำอะไรกับจิตนี้ก็แก้ยากเหมือนกัน ทำไมแก้ยาก? เพราะมันแก้ไม่ได้ ต้องค่อยๆ สร้างเหตุ ที่ถูกไป แล้วมันจะแก้ตัวมันเอง ถ้าเรายิ่งไปแก้ มันจะยิ่งยุ่งยิ่งยากกว่าเดิม

ผมเคยทุกข์ เหมือนปฏิบัติธรรมไม่เป็น…จะเอาไงดีนะ ใจก็คิด เอ! ต้องไปหาใครหรือเปล่า ไปถามครูบาอาจารย์ใครไหม ใจมันร้อนรนดิ้นรน ผมก็เห็นจิตมันเป็นแบบนั้น แต่ผมไม่ไปไหน ผมถามตัวเองว่า “หลักคืออะไร” แล้วผมทำตามหลักนั้น ทุกอย่างก็คลี่คลาย

เพราะฉะนั้น มันมีแค่นี้แหละ ฟังดูเหมือนง่าย แต่เวลาความทุกข์มันถาโถมเข้ามา มันไม่ง่าย เราอึดขนาดไหน เราเข้มแข็งขนาดไหน เราพร้อมจะพึ่งตัวเองขนาดไหน การปฏิบัติของผม ผมรู้สึกว่าผมไม่มีที่พึ่ง ผมรู้สึกแต่ผมต้องพึ่งตัวเองอย่างเดียว ไม่มีใครช่วยเราได้ แล้วถ้าเราจะหาทางแก้ นั่นคือปัญหาใหญ่ที่สุดของการปฏิบัติธรรม เมื่อมีทุกข์เราจะแก้อีก เราจะวิ่งหาทางแก้อีก เราจะไปไม่ถึงความพ้นทุกข์เลย เนี่ยอันนี้เป็นหัวใจหนึ่งที่สำคัญมาก มากจริงๆ

 

24-08-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/e0A6G7G8ixM

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S