128.มีอยู่แล้ว

ตอนที่ 1 ความอยาก

เราไม่ใช่ไปทำความรู้สึกตัว เมื่อความรู้สึกตัวเกิดขึ้น เราก็รู้ได้ว่าตอนนี้ความรู้สึกตัวเกิดขึ้นแล้ว เมื่อจิตใจหลงไปคิด เราก็รู้ได้ว่าจิตใจหลงไปคิดแล้ว ให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วก็รู้สึกขึ้นมา เหมือนผมหยุดพูด ความรู้สึกตัวก็เกิดขึ้น แล้วผมก็ค่อยรู้ว่าความรู้สึกตัวเกิดขึ้นแล้ว ผมไม่ใช่คอยรู้สึกตัว เราแค่รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น นี่คือการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มีตัวมันก็ยังมีจิต จิตเกิดอะไรขึ้นเราก็รู้ มันไปคิดก็รู้ได้ มันปรุงแต่งอารมณ์ก็รู้ได้ เพราะฉะนั้น ให้เข้าใจแบบนี้

หลวงพ่อเทียนเคยพูดกับท่านเขมานันทะว่า “หลวงพ่อไม่รู้อะไรเลย” ท่านเขมาฟังแล้วก็งง ถามหลวงพ่อเทียนกลับไปว่า “หลวงพ่อไม่รู้อะไรจริงๆ เหรอ” หลวงพ่อเทียนตอบกลับมาว่า “รู้” …ท่านงงหนักกว่าเดิม ทำไมคำตอบภายในระยะเวลานิดเดียวต่างกัน 180 องศา

ตอนที่เราแค่รู้สึก มีความรู้อะไรไหม? ชีวิตที่มีแค่รู้สึกไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่มีองค์ความรู้อะไรใดๆ ทั้งนั้น เหมือนที่หลวงพ่อเทียนให้ขยับมือ 14 จังหวะ หลวงพ่อบอกให้ “รู้สึก” ตั้งขึ้นก็รู้ เคลื่อนไปก็รู้ เอามือไปเอามือมาก็รู้ ทำอยู่อย่างนี้ที่ท่านเขมานันทะเคยบอกว่าเหมือนคนโง่ที่ทำแบบนี้ มาทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ เพราะมันไม่มีองค์ความรู้อะไรเลย แต่พอท่านถามกลับว่า “ไม่รู้จริงๆ เหรอ” หลวงพ่อเทียนบอก “รู้” จากคำตอบนี้ตามความเข้าใจผม คือ จากการปฏิบัติแค่รู้สึกนี่แหละ มันจะค่อยๆ เปิดเผยความจริงออกมา ความจริงสูงสุดที่นำเราไปสู่ความหลุดพ้นได้ หลวงพ่อเทียนท่านถึงตอบว่าท่านรู้ ที่รู้ไม่ใช่รู้อะไร รู้โลกนี้ตามความเป็นจริง

บางทีจิตใจมันก็ตั้งใจขึ้นมาเอง ส่งผลให้เกิดอาการทางร่างกาย เราก็แค่รู้ทัน รู้แล้วว่าตอนนี้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขอะไร

เราทุกคนลองไปสังเกตในทุกๆ วัน โดยเฉพาะตอนเราเพิ่งตื่นขึ้นมา กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำหรือจะไปทำอะไร แล้วมันก็นึกขึ้นได้ขึ้นมาว่า อุ้ย! หลงไป แล้วรู้สึกตัวขึ้นมา ขณะแรกแห่งความรู้สึกตัวขึ้นมานั้น จิตใจอาจจะอยากจะรู้สึกตัวต่อ ตามธรรมชาติที่มันเรียนรู้มาว่าฉันจะต้องรู้สึกตัว มันจะเกิดอาการแน่นขึ้นมา มันคือ “ความอยาก

ความรู้สึกว่าเรา “ต้อง” เป็นนักปฏิบัติธรรม เรา “ต้อง” ปฏิบัติธรรม เรา “ต้อง” รู้สึกตัว ถ้าเป็นแบบนี้แล้วต้องทำอะไรไหม? ไม่ต้องทำอะไร ก็แค่รู้มันเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามันยังเป็นต่อ สิ่งที่ต้องทำอย่างเดียวคือ “เลิกปฏิบัติ

เราห้ามจิตใจไม่ได้ เราห้ามกิเลสไม่ได้ มันทำงานตามเหตุปัจจัย เราได้แต่รู้ จำอันนี้ไว้ให้แม่นเลย “เราได้แต่รู้”

การที่เราจะทำอะไรกับจิตใจนี้ไม่ว่าจะไปในทางไหนก็ตามที่เราคาดหวังว่าควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นคือ “ความอยาก” เราจึงต้องการทำอะไร จัดการ แทรกแซง ควบคุม บังคับ ส่วนใหญ่ก็มันมีแค่ควบคุมบังคับนี่แหละ “เพราะเราอยากดี”

เราอยากดีก็เลยคิดจะจัดการ จะแทรกแซง ด้วยกิริยาควบคุมและบังคับให้เป็นอย่างที่เราต้องการ ต้นตอคือความอยาก ความอยากนี้จะทำให้เกิดกิริยาหลายอย่าง แต่หลักๆ ที่เป็นกันบ่อยคือ “ควบคุม บังคับ” ถ้าเรารู้ทันความอยากซะก็จบ หรือจะรู้ทันความเป็นเราก็ได้ ที่ผมเคยพูดบ่อยๆ “เห็นไหมตัวเราเกิดขึ้นแล้ว ความเป็นเราเกิดขึ้นแล้ว” ถ้าแค่รู้สึก มันจะไม่มีความเป็นเราเกิดขึ้น ความไร้ตัวตนก็เป็นความทุกข์ของคนในโลก เพราะธรรมชาติของอวิชชามันชอบมีตัวตน นี่คือ ต้นตอความทุกข์ทั้งหมด

 

ตอนที่ 2 มีอยู่แล้ว

มีครั้งหนึ่งท่านเขมานันทะก็ต้องไปเทศน์ และหลวงพ่อเทียนก็นั่งฟังอยู่ด้วย ท่านเทศน์เสร็จกลับมานั่งกับหลวงพ่อเทียน ท่านก็กังวลว่าที่พูดไปผิดหรือเปล่า ท่านก็นั่งกังวลอยู่ของท่านคนเดียวนั่นแหละ หลวงพ่อเทียนหันมาบอกว่า “พูดแล้วก็ทิ้งเสีย” นี่เป็นคำสอนครูบาอาจารย์ ท่านสอนสั้นๆ

ผมนึกถึงคำสอนหลวงปู่ดูลย์ว่า “ความตรัสรู้คือ ความไม่มีอะไรให้ระลึกถึง” เพราะฉะนั้น ชีวิตของพวกเราทุกคนนั้นเรามีปฏิสัมพันธ์ในชีวิต ในสิ่งแวดล้อม ในสังคมที่เราอยู่ เราปฏิบัติต่อทุกการกระทบอย่างถูกต้อง ปฏิบัติต่อทุกกิจกรรมที่ต้องทำอย่างถูกต้อง แต่เรามักจะไม่ทิ้งมัน เรากลับบ้านก็เก็บไปคิด ทำไปแล้วก็เก็บไปคิด แล้วก็นำไปสู่ “ความทุกข์” เพราะเรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว ชีวิตไม่ใช่เหลือแค่รู้สึกแล้ว มันเป็นเราขึ้นมา เป็นเขาขึ้นมา เพราะฉะนั้น หมั่นจะเห็นลักษณะแบบนี้…ต้นเหตุของความทุกข์ จะพูดผิดพูดถูก วันนึงเราตายไปมันก็ไม่มีเราแล้ว

เพราะฉะนั้น เราอยู่กับแค่รู้สึก อยู่กับสภาพที่พ้นทุกข์อยู่ทุกขณะ พอมันจะไปคิดอะไรก็ “รู้ทัน” แล้วก็เหลือ “แค่รู้สึก” แล้วเราจะพ้นจากการเป็นนักปฏิบัติธรรม จะพ้นจากความรู้สึกปฏิบัติดี ปฏิบัติไม่ดี จะพ้นจากความรู้สึกว่าอันนี้ถูกหรือผิด เราจะพ้นจากของคู่ทั้งหลายด้วยกิริยาแค่รู้สึก อย่าลืมที่ผมบอกว่า ไม่ให้พยายามทำความรู้สึกตัว

เราเดินจงกรมกับเดินปกติเหมือนกันไหม? ให้ความรู้สึกตัวนี้มันเกิดขึ้น แล้วเราก็รู้จักว่านี่คือความรู้สึกตัว ทุกอย่างเป็น “สิ่งที่มีอยู่แล้ว” ไม่มีใครต้องทำอะไรขึ้นมาทั้งนั้น ความรู้สึกตัวก็เป็นสภาวะเป็นความจริงอย่างหนึ่ง ความไม่รู้สึกตัวก็เป็นธรรมชาติที่เป็นความจริงอีกอย่างหนึ่ง…เท่ากัน

ถ้าเราไปทำความรู้สึกตัว มันจะแน่นๆ อึดอัด ไม่เป็นธรรมชาติ มันก็เป็นโครงสร้างเดียวกับการที่เวลาจิตหลงไปคิดแล้วเราก็เข้าไปคิดกับมันด้วย… ก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูกว่าการปฏิบัติธรรมคือ การเรียนรู้กายและจิตนี้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่อะไรดีกว่าอะไร …ธรรมะนี่มันสอนยากเนอะ

 

28-07-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/enXactToj9U

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S