125.เวลา

ตอนที่ 1 สนใจ

การปฏิบัติธรรมเราเริ่มจาก “ความผ่อนคลาย สบาย เป็นธรรมชาติ” จะเกิดขึ้นได้จากการที่เรา “ไม่ทำอะไร ไม่พยายามจะทำอะไรทั้งนั้น

เรานั่งสมาธิ…ชื่อมันดูยาก แต่ในความเป็นจริง “เป็นแค่การนั่ง” เป็นแค่การนั่งหลับตาเฉยๆ แต่แทนที่จะนั่งหลับหรือว่านั่งงคิดฟุ้งซ่าน เราก็นั่งเห็นร่างกายนี้กำลังนั่งอยู่…เห็นด้วยความรู้สึก ไม่มีการที่จะต้องทำอะไร หรือต้องจัดการจิตใจให้มันสงบ หรือต้องบังคับจิตใจไม่ให้มันฟุ้งซ่าน…ไม่มีการทำแบบนั้น มีแค่กิริยา “รู้” กิริยา “เห็น” กายและใจตามความเป็นจริงที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ ความรู้สึกทุกอย่างในกายในใจที่กำลังถูกรู้อยู่ ไม่ใช่เรา

อย่าไปให้วาดภาพการปฏิบัติธรรมว่าต้องทำอะไรที่พิสดาร มันเหมือนเราเคยทำงานในโลก เราให้ความสนใจกับงานชิ้นนั้น ถ้าเคยทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เราก็สนใจเครื่องจักร เราก็เลยรู้จักเครื่องจักรเป็นอย่างดี ถ้าเคยทำงานสร้างตึก เราก็รู้จักกระบวนการรายละเอียดข้อควรระวังต่างๆ ในการสร้างตึกอย่างดี ถ้าเราเคยทำอาชีพอะไร เราก็เข้าใจสิ่งๆ นั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็ด้วยความที่เราให้ความสนใจกับมัน เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน เราไม่ได้ต้องทำอะไรผิดแผกแตกต่างจากที่เราเคยทำในชีวิตเรามาเลย การปฏิบัติธรรมคือ “การให้ความสนใจในรายละเอียดของกายและจิตนี้ว่ามันเป็นยังไง” จนเข้าใจทะลุปรุโปร่งเหมือนที่เราเคยเข้าใจอะไรๆ ในโลกที่เราทำมานั่นแหละ

ฉะนั้น เข้าใจแก่นของการปฏิบัติธรรมเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อน ไม่ใช่ต้องการคนมีความสามารถพิเศษอะไร “เราต้องการแค่ความสนใจ” มีความสนใจพอไหม มีความอดทนเพียงพอจะสนใจไหม หรือชอบไปคิดเรื่องอื่น สังเกตตัวเองทั้งวัน มีความสนใจเพียงพอไหม หรือไปหาทางนู่นนี่นั่นวิ่งหาครูบาอาจารย์ ฟังทุกอย่าง อ่านทุกอย่าง แต่ไม่สนใจกายและจิตนี้เท่าที่ควร ให้สนใจมัน เรียนรู้มัน เห็นกายและจิตนี้ตามความเป็นจริง

 

ตอนที่ 2 ความรู้สึก ที่นี่ เดี๋ยวนี้

เราสังเกตไหมว่าทุกวันนี้เรายังมีความสุข ร่างกายนี้ยังให้ความสุขได้ จิตใจนี้ยังให้ความสุขได้ เรามีหน้าที่เห็นไปเรื่อยๆ จนเห็นทั้ง “กายและจิตนี้มีแต่ทุกข์” มันเป็นไปได้ยังไง จากที่มันเคยได้รับความสุขจากมัน ทำไมมันเหลือแต่ทุกข์ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่เรา “ต้องพิสูจน์”

ถ้าเราเห็นอะไรในโลกนี้ก็น่าเบื่อ อะไรในโลกนี้ก็มีแต่ทุกข์ เรากำลังเข้าถึง “ความลับของชีวิต” อะไรๆ ที่เป็นทุกข์เราอยากได้ไหม เราอยากเป็นเจ้าของมันไหม เราจะถูกมันหลอกได้ไหม เราจะถูกมันครอบงำได้ไหม เรามีแต่ความอยากจะคลายออกจากสิ่งเหล่านั้น แต่ถ้าเรายังเห็นเป็นสุขอยู่ เรามีแต่ติดกับมัน

เพราะฉะนั้น เรามีหน้าที่ให้ความสนใจกายและจิตนี้ จนเข้าใจความลับของชีวิต ความลับของธรรมชาติของชีวิตนี้ เราจะเข้าใจว่าสิ่งที่เราเคยเข้าใจมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้นผิดหมด! เราใช้ชีวิตที่ผิดมาตลอดชีวิต ทำไมผิด?…เพราะว่าเข้าใจผิด ก็ต้องใช้ชีวิตผิด อย่านึกว่าตัวเองใช้ชีวิตถูก เรามีลูกมีหลาน สอนลูกสอนหลานผิดๆ ต้องยอมรับว่าเราทำผิดมาตลอดชีวิต จิตใจที่เต็มไปด้วยมิจฉาทิฏฐิจะทำถูกไม่ได้ เพราะฉะนั้น เรายังภูมิใจไม่ได้ว่าเราดีแล้ว ความคิดเราถูกแล้ว ถ้าเราอยากจะมีความคิดความเห็นที่ถูกที่ตรง เราต้องเข้าใจความจริงสูงสุดของชีวิตนี้ก่อน

คนเราเถียงกันทะเลาะกันเพราะมันยืนอยู่บนทิฏฐิคนละอย่าง พระอรหันต์ก็ไม่ต้องเถียงกัน ไม่ต้องทะเลาะกัน เพราะยืนอยู่บนสัมมาทิฏฐิเดียวกัน เห็นเหมือนกัน เข้าใจเหมือนกัน แต่พวกเราอยู่ภายใต้มิจฉาทิฏฐิ แรงเบาต่างกันไป แล้วก็เถียงกันอยู่นั่นแหละ ทะเลาะกันอยู่นั้นแหละ ปฏิบัติธรรมก็ทะเลาะกัน คิดเป็นตัวเป็นตน เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเป็นเจ้าของความคิด เราตกจากชีวิตที่แท้จริงที่มีแค่รู้สึก

ลองสังเกตดูว่าเวลาเราเข้าไปจับไปยึดอะไรเข้า มันหนักไหม ทุกข์ไหม ความเป็นตัวเป็นตนเกิดขึ้น…มันดีไหม เทียบกับชีวิตตอนนี้…แค่รู้สึก…แค่รู้สึกถึงร่างกายที่กำลังนั่งอยู่แบบนี้ แค่รู้สึก…แค่รู้สึกถึงความมีอยู่ของร่างกายตอนนี้ สบายกว่ากันไหม? ทำไมสบาย เพราะไม่ได้เข้าไปจับไปยึดทิฏฐิ อคติ ความเป็นตัวเรา ความเป็นเรา เหลือแค่รู้สึก ที่นี่ เดี๋ยวนี้

ความรู้สึกที่นี่เดี๋ยวนี้ เป็นของใครไหม มีใครจะขโมยความรู้สึกที่นี่เดี๋ยวนี้ที่เรารู้สึกอยู่ไปได้ไหม ต้องแสวงหาความรู้สึกที่นี่เดี๋ยวนี้ขึ้นมาไหม มันมีอยู่แล้ว เราแค่ไม่เคยสนใจมัน แค่นั้นเอง

ให้ความสนใจกับที่นี่เดี๋ยวนี้ สมาธิจะเกิดขึ้น เราจะเริ่มเห็นการและจิตนี้ตามความเป็นจริงได้ จิตไปคิดจะเห็นได้ จิตปรุงแต่งอารมณ์จะเห็นได้ กายขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวจะเห็นได้ เพราะฉะนั้น เรามีหน้าที่แบบนี้ ตั้งแต่ตื่นจนหลับเรามีหน้าที่แบบนี้ เราจะเห็นโลกนี้ตามความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นแต่ทุกข์นั่นแหละ จนเข้าใจว่าชีวิตนี้คือ “โศกนาฏกรรมของการเกิดมา

 

ตอนที่ 3 เวลา

อย่าลืมเส้นทาง เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะฉะนั้น อย่าหนีความจริง อย่าเอาแต่ความสุข ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้ความสุข ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตมันดี ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อจะรวย ไม่ได้ปฏิบัติธรรมที่จะโชคดี ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อจะไม่ป่วย ปฏิบัติธรรมเพื่อจะเห็นโลกนี้ตามความเป็นจริงว่ามีแต่ทุกข์

จิตนั้นแสดงความทุกข์ตลอดเวลา เคยเห็นไหม เดี๋ยวมันก็ไปนี่ เดี๋ยวมันก็ไปนั่น เดี๋ยวมันก็ไปติดกับภาพนี้ เดี๋ยวมันก็ไปติดกับสัญญานั้น ควบคุมบังคับไม่ได้ เวลามันไปติดกับอะไรเข้าจิตมันก็หนัก เคยรู้สึกไหมจิตหนักเป็นยังไง มันหนักเพราะมันไม่อิสระ แล้วเราห้ามมันได้ไหม…ไม่ได้ ทุกข์ไหม…บังคับอะไรก็ไม่ได้

เพราะฉะนั้น “ทุกข์เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้” เห็นตามความเป็นจริง จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่ผมพูด สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดว่าทำไมโลกนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ ตอนนี้เรายังเข้าใจไม่ได้ เราเพียงแต่ฟัง เข้าใจได้บ้าง นึกตามได้บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่เราไม่เลิกที่จะปฏิบัติธรรม วันหนึ่งเราจะเข้าใจเหมือนกัน ถ้าเรายังไม่เลิกจะสนใจร่างกายและจิตใจนี้ เราจะมีโอกาสเข้าใจความจริงตามที่พระพุทธเจ้าบอกได้

ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ครูบาอาจารย์ ความสำคัญอยู่ที่เรารู้จักหลักปฏิบัติธรรมและมีเวลาเพียงพอที่จะปฏิบัติ ครูบาอาจารย์เหมือนเป็นตัวช่วยเฉยๆ บอกหลักให้ เป็นกำลังใจให้ แต่สำคัญที่สุดคือ “เวลา” เรามีเวลาพอไหม

เหมือนหลายคนที่ปฏิบัติธรรม พอเวลาผ่านไปเกิดความเข้าใจอะไรมากขึ้น บางทีก็มาบอกผมว่า อุ้ย ผมพูดไปตั้งนานแล้วแบบนี้ ฟังคลิปประโยคนี้มาตั้งหลายทีเพิ่งจะเข้าใจ เนี่ย ปัจจัยสำคัญคืออะไร? … “เวลา” ต่อให้ครูบาอาจารย์เก่งขนาดไหนก็แพ้เวลา ทุกคนต้องใช้เวลา คนที่เก่งที่สุดคือ พระพุทธเจ้า เป็นครูบาอาจารย์ที่เก่งที่สุด ท่านบอกว่าท่านเป็นแค่ผู้บอกทาง ทำมากกว่านั้นไม่ได้

เพราะฉะนั้น คนเราทุกคนอย่าเดือดร้อน อย่าอยากก้าวหน้า ให้เวลากับตัวเอง เวลาจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา รู้หลักที่ถูกต้อง แล้วอย่าเลิก อดทน เวลาจะอยู่ข้างเราเสมอ

เมื่อไหร่ที่รู้สึกเกร็งแน่น ให้หายใจออกยาวๆ อย่าพยายามจะทำอะไร อย่าพยายามที่จะไม่หลง มีหน้าที่แค่เรียนรู้ หลงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างหนึ่งเหมือนกัน

บางคนมานั่งสมาธิคิดว่าจะได้อะไร บางทีมันนั่งไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้อะไรคือไม่ได้รับความสุขอย่างที่ตัวเองคาดหวัง แต่ก็ดีเหมือนกัน ฝึกที่จะไม่ได้อะไรบ้าง เหลือแค่รู้ เหลือแค่รู้สึก ไม่มีใครได้อะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีใคร

ความคิดสร้างความเป็นเราขึ้นมา…รู้ทัน ความเป็นตัวเป็นตนเกิดขึ้นแล้ว รู้ทันแล้วก็กลับมาอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้ อยู่กับรู้สึก ชีวิตที่มีตัวเรามันคือส่วนเกิน

 

21-07-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/F4Elbmlsf5w

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S