117.ทางออก คือ ทางเข้า

ตอนที่ 1 มีเหตุอย่างนี้ จึงมีผลอย่างนี้

ถ้าเราเคยเห็นกิเลสตัวเองบ่อยๆ เวลาที่มันบีบคั้นบังคับให้เราอยากจะทำอะไรบางอย่าง… แหม! มันบีบคั้นจริงๆ ที่จะไปทำนี่ทำนั่น แต่ถ้าเราเห็นสภาวะจนมันคลายความอยากไปหรือดับไป เราจะเห็นความแตกต่างเลยว่าตอนนี้ไม่ได้มีความต้องการจะพูดหรือจะทำอะไรแบบนั้นแล้ว  เนี่ย…มันเป็นเหตุปัจจัยเฉยๆ มันมีเหตุอย่างนี้ ขับดันแบบนี้ มันอยู่ที่เราจะอดทนหรือจะตามมันไป

ถ้าเราเคยเห็นความจริงสักครั้งหนึ่งว่า เออ…พอมันดับไป มันก็หมดความทุกข์ที่ต้องไปทำไปพูดอะไรอย่างที่เมื่อกี้นี้มี เราก็ไม่ต้องต่อกรรม ไม่ต้องต่อสังสารวัฏ ไม่ต้องต่อความเคยชินเดิมๆ เก่าๆ … “ความอดทน” ก็ให้ผลอันคุ้มค่าแบบนั้น

ชีวิตที่เหลือแค่รู้สึก” … เป็นชีวิตที่พ้นจากความเป็นคน รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของร่างกาย ปราศจากความคิดปรุงแต่งใดๆ เป็นช่วงเวลาที่เราพ้นจากความเป็นคน เคยสังเกตมั้ยว่าเวลามีผัสสะ เช่น ตากระทบรูป บางครั้งก็ไม่มีความคิดปรุงแต่งอะไร แต่ส่วนใหญ่มี…

เมื่อความคิดปรุงแต่งเกิดขึ้น ความเป็นคนก็เกิดขึ้น กระบวนการแห่งปฏิจจสมุปบาทก็เกิดขึ้น ความทุกข์เกิดขึ้นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ… นี่คือ ความน่ากลัวของจิตที่ยังมีอวิชชาอยู่ มันพร้อมจะปรุงให้เราทุกข์เสมอ เพราะฉะนั้น เราพอจะมีชีวิตอยู่ได้ในโลกนี้อย่างไม่ทุกข์ ก็ด้วยการที่มีจิตใจที่มีสัมมาสมาธิเพียงพอที่จะตื่นรู้ขึ้นมา เห็นสภาวะใดๆ ตามความเป็นจริง เราห้ามธรรมชาติของจิตที่มีอวิชชาไม่ได้ แต่เรา “สร้างเหตุ” ที่ทำให้เกิดสัมมาสมาธิจนตื่นรู้ขึ้นมาได้

ปรากฏการณ์ในเส้นทางนี้ของนักปฏิบัติแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะมีเหตุอันนึงที่ไม่เหมือนกันคือ ความเข้มข้นของสมาธิ เช่น มีสมาธิไม่มากก็เห็นสภาวะหยาบๆ  มีสมาธิมากก็เห็นสภาวะได้ละเอียด แต่ไม่ว่าหยาบหรือละเอียดมันลงไปที่ความจริงเดียวกันคือ มันเป็น “ไตรลักษณ์”  มันมีจุดร่วมเดียวกัน

เมื่อเราปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ พ้นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่ง จนจิตใจมีสัมมาสมาธิอยู่ในเนืองๆ เราก็จะเห็นความจริงมากขึ้นๆ เราจะพ้นทุกข์มากขึ้นๆ เราจะเข้าใจธรรมชาติว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัยมากขึ้นๆ  ไม่ว่าจะฝ่ายดีหรือฝ่ายไม่ดีก็ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งนั้น…มีเหตุอย่างนี้จึงมีผลอย่างนี้ จะเห็นแบบนั้น

อย่างมีคนทำซุปไก่ดําตุ๋นยาจีนมาให้ ทำมา 2 รสชาติ คราวก่อนทำมารสชาตินึง วันนี้มาอีกรสชาตินึง ก่อนมาส่งก็บอกว่าอันนี้อร่อยกว่าเดิม   มีคนถามว่าอร่อยมั้ย? ความรู้สึกเราก็คือมันอยู่ที่สถานการณ์  พอให้มากินตอนเช้า มันก็อยากจะกินรสชาติแบบจืดๆ เพราะว่าท้อง กระเพาะ ลิ้น มันเพิ่งตื่น ธรรมชาติของร่างกายเราจะกินส้มตำแต่เช้าไม่ได้  เลยบอกว่าถ้าตอนเช้าจืดก็จะดีกว่า แต่ถ้าเข้มข้นแบบนี้ก็อาจจะอร่อยตอนเย็นก็ได้  เพราะฉะนั้น มันไม่ได้แปลว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อย มันอยู่ที่เหตุปัจจัย

จะเห็นได้ว่าเราจะมองทุกอย่างลงไปในมุมแบบนี้ มันไม่ใช่เป็นการตอบด้วยตัณหา ความชอบส่วนตัว มันเป็นการตอบตามสถานการณ์เฉยๆ เวลาเราไม่สบายสังเกตมั้ยว่าข้าวต้มจืดๆ อร่อย  เวลาเราสบายดีข้าวต้มไม่อร่อยแล้ว ส้มตำอร่อยกว่า เนี่ยมันเป็นไปตามเหตุ ยกเว้นว่าเราติดกับความคิดมาก ติดกับสัญญาในอดีตมากว่าแบบนี้แหละถึงอร่อย มันจะกินด้วยความคิด

เหมือนเราเคยมีเพื่อน เคยมีมั้ยมีเพื่อนที่ดี๊ดีกับเรา แต่มันร๊ายร้ายกับคนอื่น เราก็ยังคบกันนะเพราะมันดีกับเรา แต่คนที่มันร้ายด้วยก็ด่ามันว่ามันไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ สังเกตมั้ยว่าเราตัดสินคนๆ นึงลงไปว่าเขาดีเพราะเขาดีกับเรา ตัดสินคนๆ นึงลงไปว่าเขาร้ายเพราะเขาร้ายกับเรา  เราไม่เคยเห็นในมุมของเหตุปัจจัยเลย  เหตุที่เขาชอบเรา เขาก็ดีกับเรา ผลก็เลยว่าเขาดีกับเรา เหตุเพราะเขาไม่ชอบคนนั้น เขาก็เลยไม่ดีกับคนนั้น มันเป็นสองคนในร่างเดียวจะเรียกว่ามันดีหรือเลวดี ยังสรุปไม่ได้

เรานักปฏิบัติธรรม มองให้มันกว้างไกลกว่าสิ่งที่เราได้รับ มองให้มันเข้าไปถึงความจริงที่สูงกว่าสิ่งที่เราได้รับ เพราะฉะนั้น ไม่แน่ว่าวันนึงถ้าเขาเกลียดเราขึ้นมา เขาก็ร้ายกับเราเหมือนกัน แต่ถ้าเราเห็นตามความเป็นจริงว่ามันเป็นไปตามเหตุปัจจัย เราจะไม่ผิดหวังเพราะมันเป็นอย่างนั้น…มันเป็นเรื่องของกรรม

ดูพระพุทธเจ้าเป็นต้น…ดีแสนดี บริสุทธิ์ สะอาดอย่างพระพุทธเจ้า ก็ยังมีพระเทวทัตที่เกลียดได้ เกลียดเข้าไส้จนจะฆ่าเลยด้วยซ้ำ ทำไมเป็นไปได้… กรรม ถ้าเราเคยศึกษาประวัติพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัต จะรู้ว่าพระเทวทัตชาตินึงก็เคยคล้ายๆ ปฏิญาณเลยว่าจะตามจองล้างจองผลาญพระพุทธเจ้าเพราะความแค้น เพราะฉะนั้น เห็นหน้าก็ไม่สบอารมณ์แล้ว พระพุทธเจ้าจะบริสุทธิ์สะอาดดีแค่ไหน ไม่ชอบอยู่ดี เนี่ยเขาเรียกว่า “กรรม

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้พวกเราถือศีล “มีศีล” เอาไว้ ไม่ว่ากรรมที่เราเคยทำมาจะเป็นรูปแบบเลวร้ายแค่ไหน ถ้าเรามีศีลเอาไว้ เราจะไม่ละเมิด เราจะไม่สร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดี ชีวิตเราจะปลอดภัยตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แล้วจะค่อยๆ เป็นชีวิตใหม่ที่ไม่ทำตามความเคยชินเก่าๆ ด้วยการมีศีลคอยรักษาชีวิตเรา …เนี่ย! ท่านแจกแจงไว้อย่างละเอียด เราแค่ทำตาม ทำให้ได้

พระพุทธเจ้าก็ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะผ่านพระเทวทัตไปด้วยการปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อกรรมที่ตัวเองมี เราไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าบอกว่า ทำไมฉันต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วย…ไม่มี  ท่านเพียงแค่ปฏิบัติต่อสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่ตีอกชกตัวว่าทำไมเป็นแบบนี้

 

ตอนที่ 2 ทางออก คือ ทางเข้า

อยู่กับความรู้สึกให้มาก อยู่กับความคิดให้น้อย … ความรู้สึกเป็นเครื่องมือสำคัญ ความคิดทำลายสมาธิ แต่เราใช้ชีวิตโดยไม่คิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ใช้ความคิดเท่าที่จำเป็น มีหน้าที่ต้องคิดอะไรก็คิด แต่ไม่ใช่คิดฟุ้งซ่าน หมดหน้าที่แล้วอยู่กับความรู้สึก อยู่กับแค่รู้สึก

ลดละเลิกกิจกรรมที่ทำให้ลืมความรู้สึกตัวไป กิจกรรมที่ไม่จำเป็นทั้งหลายที่มาอยู่ในหัวข้อว่าผ่อนคลายสักหน่อย กิจกรรมพวกนี้แหละเรียกว่า กิจกรรมไม่จำเป็น ถ้าจะผ่อนคลายก็แค่นั่งเฉยๆ ลืมตาก็ได้ ไม่ใช่ผ่อนคลายด้วยกันดู YouTube ดูโทรศัพท์

ที่ผมเคยพูดหลายครั้งว่า หลวงพ่อเทียนให้นักปฏิบัติธรรมเดินจงกรมกับขยับมือ 14 จังหวะสลับกันไปทั้งวัน เพราะท่านต้องการให้อยู่ใน “อิริยาบถแค่รู้สึก” มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาตื่น อันนี้เป็น “หัวใจ” เราถือไว้เป็นหัวใจ แต่เราทำได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ศิลปะของแต่ละคน อยู่ที่หน้าที่ของแต่ละคน แต่เรามีหัวใจอันนี้เหมือนกัน

พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ เราไม่เห็นธรรม ชีวิตที่มีทุกข์แล้วรู้จักทางปฏิบัติธรรม…นั่นเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ถ้าเรามีชีวิตที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ได้ทุกข์อะไรแล้วก็ปฏิบัติธรรมด้วย…ดีมั้ย? ก็ดีเหมือนกัน แต่เรายังไม่เจอบททดสอบ บทเรียนที่จะได้เห็นธรรมจริงๆ เปรียบเสมือนดอกบัวที่เกิดขึ้นจากโคลนตม มันเกิดขึ้นได้ด้วยอาศัยโคลนตม ก็เปรียบเสมือนความทุกข์ ถ้าไม่มีโคลนตม ดอกบัวก็บานไม่ได้

เพราะฉะนั้น “ความพ้นทุกข์เกิดจากความทุกข์” หรือ ทางออกอยู่ที่ทางเข้า พวกเราแต่ละคนต้องประสบทุกข์หรือได้รับภาระที่ต้องเป็นทุกข์ ให้รู้ไว้ว่า เราจะได้พบธรรมะในนั้น ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติธรรมจริง เราจะได้พบธรรมะในนั้น

อย่าเอาแต่รักสบาย อย่าเอาแต่รักความปลอดภัย อย่ามัวแต่ชอบอยู่ใน  safety zone เวลามันไม่คอยท่า ตอนนี้มีธรรมะ มีครูบาอาจารย์ มีกำลังแรงกายแรงใจ พร้อมจะรับทุกข์ พร้อมจะเผชิญกับทุกข์ เพื่อจะเห็นความเป็นจริงของมัน ต้องรีบใช้เวลาที่พร้อมแบบนี้ให้คุ้ม

เราลองถามตัวเองได้ทุกคนเวลาที่ชีวิตเราสบายๆ ไม่มีอะไร เห็นความจริงอะไรบ้างมั้ย มีธรรมะอะไรเกิดขึ้นในจิตใจบ้างมั้ย…ไม่มี!  แต่เวลามีทุกข์นั่นแหละ มันจะเข้าใจอะไรมากขึ้นๆๆ เราจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจากความทุกข์…ไม่ใช่ความสบาย

 

23-06-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/6H_qiVTaTk0

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S