99.ซ้อมรบ 8 – ศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน

ตอนที่ 1 ติด

นั่งสบายๆ แค่นั่ง ไม่มีการทำอะไรทั้งนั้น แค่นั่งแล้ว รู้ เห็นร่างกายนี้มันนั่งอยู่ ไม่ต้องพยายาม คำว่ารู้ว่าเห็นเนี่ยมันรู้เห็นได้เลย

ในทางโลกความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ในทางธรรมความพยายามอยู่ที่ไหนความหายนะอยู่ที่นั่น เพราะมันคือตัวเรา มันคือตัวตน คือ “อัตตา” เต็มไปด้วยความอยาก มีแต่ตัวตนหรือคนเท่านั้นที่อยากจะทำอะไรเพื่อจะได้อะไร แต่เส้นทางของการปฏิบัติธรรมเป็น “เส้นทางของอนัตตา” ไม่มีคน ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแต่การรู้การเห็นตามความเป็นจริงในปัจจุบันขณะนั้นๆ

พอมันคลายแล้วก็รู้ว่ามันคลาย มันก็เป็นเอง พวกเราทุกคนก็วาดหวังคิดไปเองว่า นิพพานเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยาก เราคิดว่าต้องทำอะไรมากมาย เราคิดไม่ถึงว่า “แค่รู้กายรู้ใจตามที่มันเป็น” นี่แหละเป็นเส้นทางที่จะเข้าถึงซึ่งนิพพาน “ความหลุดพ้น” มันง่ายกว่าทำงานเยอะ

ร่างกายมันนั่งอยู่ ให้รู้ให้เห็นว่าร่างกายนี้มันนั่งอยู่ มันยืน มันเดิน มันนอน มันเอี้ยว มันไหว มันเคลื่อน …ให้รู้ จิตใจมีความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว…ให้รู้ ฟังๆ ดูทำแค่นี้เองหรอ ก็ทำแค่นี้แหละแต่ได้ผลอันยิ่งใหญ่ ดูกายดูใจไป แต่อย่าไปติดอะไรเข้า

สิ่งที่คนในโลกติดมากที่สุดคือ “ติดมนุษย์” แต่ก็มีติดอีกหลายอย่าง เช่น

ติดฝั่งซ้าย ติดฝั่งขวา” คือ ติดเพ่ง ติดเผลอ

ติดเกลียวน้ำวน” คือ หลงโลก พอใจในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ออกไม่ได้

ติดมนุษย์” คือห่วงคนนู้นห่วงคนนี้ คิดถึงคนนั้น จะไปปฏิบัติธรรมก็ไปไม่ได้สารพัดห่วง พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าปฏิบัติธรรมไปแล้วยังติดอยู่อย่างนี้ ไปไหนไม่รอด เรียกว่า ถูกมนุษย์จับเอาไว้

เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่าทำไมถึงต้อง เสียสละชีวิตที่เหลืออยู่ให้กับการปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัตินั้นไม่ยาก

เสียสละชีวิตนี้เพื่อที่จะไม่ต้องเกิดอีกเลย มันคุ้มไม่พอหรือไง ถึงคิดไม่ได้ เป็นนักธุรกิจกันทั้งห้อง คำนวณแล้วยังคุ้มไม่พออีกเหรอ บางคนก็ปฏิบัติธรรมง่ายๆ ไม่มีอะไรมากแต่ก็เอาไว้ก่อน ขอไปเล่นก่อน ไปหลงโลกก่อน แบบนี้เรียกว่า “ติดเกลียวน้ำวน” คือ ติดความพอใจในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เสียสละมันไม่ได้

จมในท่ามกลาง” คือ พวกนักปฏิบัติไปติดภพว่างๆ เข้า แหมะอยู่ตรงนั้นแหละไปไหนไม่ได้

หรือเป็นคน “เน่าใน” คือ เป็นคนไม่มีศีล รักษาศีล 5 ไม่ได้ โดยเฉพาะข้อ 4 พูดโกหก พูดเพ้อเจ้อ พูดจาส่อเสียด พูดไม่ดีทั้งหลาย

 

ตอนที่ 2 “ว่าง” ในศาสนาพุทธ

มันค่อยๆ เพ่งขึ้นมาก็รู้ รู้จักลีลาของมัน…ก็เป็นแบบนี้ “ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องสู้ ไม่ต้องหนี…แค่รู้

คนที่หลงก็เหมือนกัน ก็ไม่ต้องทำอะไร มันหลงไปก็รู้ พวกนี้เป็นของคั่นฉาก บทหลักๆ ของเราคือ “เห็นร่างกายนี้” มันอยู่อิริยาบถไหนก็เห็นอยู่ แต่เดี๋ยวจิตใจมีความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวก็รู้ รู้แล้วก็กลับมารู้สึกตัว

เดี๋ยวนั่งๆไป ลองสังเกตเวลาผมเงียบ จะมีคนนึงเพ่ง คนนึงหลง คนนึงเคลิ้ม อีกคนนึงหลับ เห็นกระบวนการเหล่านั้น สังเกตตัวเอง เวลาเงียบ มันตื่นอยู่มั้ย ยังเห็นอยู่มั้ย จะกายหรือจิตใจก็ได้ยังเห็นอยู่มั้ย หรือมันเบลอๆแล้ว ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว นั่นแปลว่า “หลงแล้ว” หลงออกนอกก็ได้ หลงเคลิ้มลงไปข้างในก็ได้ ได้หมด

หมั่นคอยสังเกตว่า ยังเห็นอยู่มั้ย ยังตื่นอยู่มั้ย ไม่ใช่การเพ่ง ไม่ใช่การทำให้มันไม่หลง แต่ยังเป็น “กิริยาของผู้สังเกตการณ์” อยู่ ถ้าเราหมดความเป็นผู้สังเกตการณ์ นั่นแปลว่า เรากำลังเป็นผู้หลงอยู่

พวกเราปฏิบัติธรรมจะต้องจับหลักให้แม่น รู้พระพุทธเจ้าสอนอะไร รู้จุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธคืออะไร ถ้าเราไม่รู้ เราจะติดสิ่งที่พุทธเจ้าเตือนเอาไว้ อย่างติดที่น่าเสียดายที่สุด ก็คือ นักปฏิบัติธรรมที่พยายามปฏิบัติธรรมแต่กลับจมในท่ามกลาง คือไปติดภพว่างๆ เพราะเข้าใจว่าทำจิตให้ว่างเป็นเส้นทาง นี่เขาเรียกว่า จมในท่ามกลาง

ศาสนาพุทธสอนให้เห็นโลกนี้ตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงว่า มันตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ตกอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยง ความที่ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ ความที่มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครคนใดบังคับควบคุมอะไรได้ “คำว่า ว่างในศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้ ตรงที่มันเป็นอนัตตา ไม่ใช่ทำจิตให้มันว่าง”

ถ้าเข้าใจอนัตตาจะเข้าใจอิทัปปัจจยตา เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย จะเข้าใจตถตาว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เพราะฉะนั้น ว่างในศาสนาพุทธ คือ เข้าใจว่าโลกนี้นั้นว่างจากความเป็นสัตว์ตัวตนบุคคลเราเขา เป็นเพียงแค่เหตุปัจจัยส่งทอดกันไป ร้อยเรียงกันไปไม่จบไม่สิ้น

 

ตอนที่ 3 ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ

ร่างกายนั่งอยู่ท่าไหนตอนนี้รู้มั้ย ยังเห็นอยู่มั้ย หรือหลับโงกเงกไปแล้ว เวลาเราดูเวทนาไม่ใช่ไปจ้องว่าเมื่อไหร่มันจะดับ การที่เราแค่สังเกตเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลง ความเจ็บความปวดความเมื่อยเดี๋ยวมันก็มาก เดี๋ยวมันก็น้อยลง แล้วมันก็มาก อีกเดี๋ยวมันก็น้อยลง นั่นมันกำลังแสดง “อนิจจัง” อยู่แล้ว แสดงความเป็นไตรลักษณ์อยู่แล้ว จะเห็นมุมไหนก็ได้ เราจะเห็นว่ามันขึ้นเองลงเองของมัน แม้ว่าเราจะนั่งท่าเดิมนี่แหละ เรียกว่าค่อยๆ ได้เห็นเวทนาตามความเป็นจริง

ในสติปัฏฐาน 4 มีประตูอีกหนึ่งประตูเรียกว่า “เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ก็คือ มีสติรู้เวทนา ตอนนี้มีเวทนาอะไร รู้ตามความเป็นจริง มันก็จะแสดงความจริงออกมา

ความจริงสูงสุดของทุกๆ สภาวะที่กำลังเกิดขึ้นในกายในใจนี้ คือ มันตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ แต่นี้เป็นเฉลย พระพุทธเจ้าเฉลยก่อน ในความเป็นจริง ก่อนที่ท่านจะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่มีใครบอกท่าน ท่านก็เฝ้าสังเกตจนรู้ว่าทุกสิ่งที่อยู่ในกายในจิตนี้มันเปลี่ยนแปลง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ บังคับควบคุมบัญชาไม่ได้ เป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น กระบวนการที่ท่านสรุปมาให้เรา เฉลยมาให้เราเสร็จแล้ว ท่านได้เฝ้าสังเกตอยู่ในกายและจิตนี้ เราเองก็ทำแบบนั้นแหละ ไม่ต้องรีบสรุปล่วงหน้า จิตใจมันจะสรุปของมันเอง

เวลาเราพูดคำว่า หลุดพ้น ไม่ใช่เราหลุดพ้น จิตนี้หลุดพ้นด้วยตัวมันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะฉะนั้น มันเรียนรู้ความเป็นจริง มันก็เรียนรู้เอง เราแค่เป็นผู้เปิดโอกาสให้มันได้โอกาสสังเกตกายและจิตนี้ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ

คืนนี้ไปนอน…เห็นร่างกายมันนอน ไม่ใช่นอนคิดไปเรื่อย คิดนู่นคิดนี่คิดนั่น นับแกะ ให้เห็นร่างกายมันนอน

เวลากราบพระ เคยเห็นร่างกายมันกำลังกราบมั้ย ฝึกที่จะเห็นในแต่ละอิริยาบถ อิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย คู้ เหยียด เคลื่อนไหว กระพริบตา กลืนน้ำลาย…ก็รู้

ฝึกที่จะไม่เป็น “คนหลงตน ลืมตัว” ขาดสติทั้งวัน คนไม่มีสติมีชีวิตอยู่ร้อยปีก็ไม่มีคุณค่าอะไร พระพุทธเจ้าบอกว่า “ผู้ที่มีสติแม้มีชีวิตอยู่เพียงราตรีเดียวก็น่าชื่นชม

ชีวิตเรามีคุณครู มีอาจารย์ มีคนเก่งๆ มากมายที่เราได้เรียนรู้ด้วย เราก็มักจะชื่นชมคนเก่งๆ เหล่านั้นที่สอนเรา แต่มีคนคนหนึ่งเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก สอนเรามา 2,600 ปีแล้ว คนธรรมดาสอนเรา เรายังชมเอาชมเอา เก่งอย่างนู้นเก่งอย่างนี้ คําสอนพระพุทธเจ้าผู้รู้แจ้งแทงตลอด เราควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด

ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธไม่ใช่เรื่องงมงาย ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธคือ ความจริงสูงสุดที่ไม่มีอะไรต้านทานได้

พระพุทธเจ้าบอกว่า เมื่อกงล้อธรรมจักรของท่านได้เคลื่อนไปแล้ว ไม่มีอะไรในโลกนี้จะต้านทานได้ เพราะมันเป็นความจริงสูงสุดที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ขอเพียงลองมาดู ลองปฏิบัติตาม แล้วเราจะเห็นตามพระพุทธเจ้าได้

10-04-2562

Camouflage

 

YouTube : https://youtu.be/Eyr_lNwvYD4

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของอาจารย์ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com/

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c
วิธีการติดตั้ง https://goo.gl/tBMY9S