14.อุบาย

 

ตอนที่ 1 อุบายไม่ใช่หนทาง แต่ต้องอาศัยอุบาย

 

จิตมันพากษ์เอง…ในวันนี้มันยังเป็นอย่างงั้นอยู่ เพราะว่าเราเรียนรู้มา…เราเรียน “รู้” กับ “หลง

พอเราเรียนมาอย่างงี้ สัญญามันจำได้ พอมันหลงไป อุ้ย…หลงไปแล้ว สัญญามันก็เตือนว่าหลงไปแล้ว ก็พูดออกมา จิตมันก็เลยพูดออกมาเลย ไม่มีอะไร เดี๋ยวมันก็มันหมดไปเอง เพราะมันไม่มีหลงแล้ว

การพิจารณา…ถามว่าทำได้มั๊ย? มันก็ทำได้เหมือนกัน มันไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ว่าถ้าเราสามารถที่จะทิ้งความคิดไปเลยไม่ต้องไปยุ่งกับมัน กลับมารู้สึกตัวเนี่ย อันนี้ดีที่สุด

การพิจารณา…มันไม่ใช่ว่าผิด หรือมันก็ไม่ใช่ว่าถูก แต่มันเป็นอุบาย

อุบายหมายความว่า บางคนมีความทุกข์บางอย่าง มันมาแล้วมาอีก…โอเค สมมุติว่ารู้สึกตัว ผ่านไปได้ครั้งนี้ เดี๋ยวมันมาอีก คล้ายๆเรื่องเดิมมาอีกแล้ว ทำให้เราต้องกังวล ทำให้เราเป็นทุกข์ มาอีกแล้ว…เราก็รู้สึกตัว

แต่บางทีหลายครั้ง คนที่มีความทุกข์แบบนั้น คล้ายๆว่าถ้าเป็นหมอโรคจิตเค้าก็จะคุยใช่มั๊ย? เพื่อจะสาวกลับไปว่าที่จริงแล้วปมที่มันถูกผูกอยู่นี่มันคืออะไร? และคนนั้นก็จะคลายได้ใช่มั๊ย? พวกหมอจิตวิทยาเลยรวยงัย เพราะมันพยายามสาวกลับไปและก็คลายปมให้กับคนๆนั้น และคนนั้นก็สบายขึ้น

อันนี้ลักษณะเดียวกัน คือถ้าความทุกข์แบบนั้น มันยังตามล้างตามเช็ดคนๆนั้นอยู่ บางทีมันต้องใช้การคิดช่วย ทำตัวเป็นหมอโรคจิตว่าทำไมต้องคิดอย่างนี้บ่อยๆ?…อะไรอย่างนี้ มันเป็นเพราะอะไร? มันติดอะไร? เราติดอะไรอยู่? ทำไมเราถึงต้องคิดเรื่องแบบนี้จนทุกข์?

เพราะสุดท้ายพอเราสาวไปๆๆ เรื่องส่วนใหญ่มีเหตุผลไม่กี่อย่าง รักตัวเองก็คือตัวตน ก็คือกลับไปมีอัตตา มีความกลัว…ก็กลัวตัวเองว่าจะไม่ดี กลัวตัวเองว่าจะไม่อยากเป็นงั้นไม่อยากเป็นงี้ จริงๆมันคืออัตตานั่นแหละ

แต่พอเราได้พิจารณาว่า จิตเรานี่ไปทุกข์บ่อยๆกับเรื่องแบบนี้ อ๋อ…เพราะว่าเรามีความกลัวอยู่เบื้องหลัง มันเกิดจากความกลัวว่าวันหลังเรื่องนี้มาปุ๊บ เราจะเห็น…อ้อ นี่จริงๆแล้วมีความกลัวเกิดขึ้นก่อน

พอเราเห็นความกลัวนี้ปั๊บ ตัวตนก็หายวับเลย” เราก็ไม่เสียเวลาดึงกับมัน

แต่ต้องรู้ว่า “อันนี้เป็นแค่อุบาย ไม่ใช่หลัก” เราต้องรู้ว่าอุบายนี่เป็นสิ่งที่ต้องมีตลอดทางของนักปฎิบัติธรรม

 

ตอนที่ 2 หาอุบายกลับสู่นาทีทอง

อุบายนี้ ถ้าเรารู้เองไม่ได้ เราต้องถามคนที่เค้ารู้ คนที่เค้าผ่านมาก่อน มันก็ง่าย คล้ายๆมีคนบอกลายแทงไว้แล้ว เค้าเรียกว่ากลวิธี (Tactic) มันจะได้หลุดออกมาง่ายๆ

ถามว่าทำแบบรู้สึกตัวเลยได้มั๊ย? ก็ได้เหมือนกันถ้ามีสมาธิดี มีกำลังเยอะ ก็หลุดได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องไปพิจารณาให้เสียเวลา พิจารณาก็เสียเวลาไปคิดอีก

เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่สถานการณ์ของแต่ละคน ที่เรียกว่า “โยนิโสมนสิการ” สถานการณ์ของแต่ละคนเป็นยังไง ถ้าคนนั้นจิตอ่อนและปวกเปียกกับเรื่องอย่างงี้ บางทีต้องคิดช่วย บางทีต้อง Positive Thought ช่วยไปเลย…อะไรอย่างนี้

พวกนี้เป็นอุบายหมด แต่ไม่ใช่ทางที่จะไปสู่ความพ้นทุกข์ที่แท้จริง ทางที่จะไปสู่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงคือ พ้นไปจากโลกของความคิด

มันมีอุบายหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องความทุกข์ที่เราไปคิดนะ บางคนปฎิบัติก็คล้ายๆว่าเพ่ง คล้ายๆว่าเครียด คล้ายๆว่ามีความตั้งใจมากเกินไป จนมันอึดอัด ก็ต้องมีอุบายไปผ่อนคลาย ต้องเลิกปฎิบัติไปก่อนตอนนั้น

จิตตอนนี้ก็คล้ายๆมันไปทางขวาเยอะเกินไปแล้ว ถ้ายังตั้งหน้าตั้งตาจะปฎิบัติ จิตใจนี้มีความตั้งใจปฎิบัติอยู่เนี่ย มันจะปฎิบัติไม่ได้ เพราะมันไม่ปกติ ไม่ปกติอันนี้ต้องไปผ่อนคลาย อันนี้เป็นอุบายเหมือนกัน

จะผ่อนคลายยังไง? ไปเดินเล่น เดินชมนกชมไม้ เดินสบายๆ ไม่ต้องคิดเรื่องปฎิบัติ ฟังเพลงซะหน่อยก็ได้…อะไรแบบนี้ คือมันมีหลากหลายวิธี

บางคนก็ให้ไปออกกำลังกาย ให้มันผ่อนคลาย ให้มันลืมเรื่องปฎิบัติไป และพอมันจิตปกติแล้ว มันถึงเวลาแล้ว อ้าว…ปกติแล้ว นี่ถึงเวลา ได้เวลาของนักปฎิบัติแล้ว เวลาที่ปกติเป็นนาทีทอง

เพราะฉะนั้นเหล่านี้เป็นอุบายหมด เราต้องมีอุบายการปฎิบัติธรรมนี้ตลอดทาง

บางคนง่วง ซึม นั่งแล้วโงกแงกสมมุติ เดินก็จะหลุดทางอะไรงี้ ต้องไปล้างหน้าล้างตา ไปอาบน้ำไปทำอะไรก็ได้ ที่จะให้มันตื่นตัวขึ้นมา เหล่านี้เป็นอุบายหมด ไม่ใช่หนทาง

 

ตอนที่ 3 ที่อยู่ต่างกัน ผลลัพธ์ต่างกัน

ถ้าการปฎิบัติมันอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว มันก็ปฎิบัติตลอดนั่นแหละ แต่เราก็ไม่เรียกว่าปฎิบัติ เราก็รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ อะไรผ่านมาก็เห็น เราไม่ได้ไปหลบอยู่ที่ไหน

การปฎิบัติธรรมไม่ใช่ไปนั่งสมาธิ ไม่ใช่ไปหลับตา อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง…ไม่ใช่แบบนั้น

เรารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เราต่างจากคนในโลกก็คือว่า เราไม่ตามความคิด เราไม่อยู่ในโลกของความคิด เราอยู่กับเนื้อกับตัวเรา แล้วอะไรผ่านไปผ่านมา เราก็เห็นหมดทุกอย่าง

แต่คนในโลกวันนี้ สิ่งที่เค้าอยู่ก็คือ อยู่ในโลกความคิด และอะไรผ่านมาผ่านไป เค้าเห็นหมดเหมือนกัน แต่เค้าอยู่ในความคิด ที่อยู่มันต่างกัน ผลลัพธ์มันเลยต่างกัน

เราเห็นอยู่เรารู้อยู่ แต่เราอยู่บนบก พวกนั้นเค้าเห็นอยู่รู้อยู่ แต่เค้าอยู่ในน้ำ เค้าเห็นด้วย รู้ด้วย แต่เปียก เลอะ แต่เราเห็นอยู่ รู้อยู่ เราไม่เปียก เราไม่เลอะ ไม่เหมือนกัน เค้าทุกข์ เราไม่ทุกข์

 

ตอนที่ 4 สมาธิตื่นเนื้อตื่นตัว ไม่ใช่สมาธิพักผ่อน

ต้องให้มันตื่น อันนี้เป็นหลัก ที่ผมพูดตลอดว่า สมาธิที่ถูกต้อง ต้องเป็นสมาธิที่ตื่นเนื้อตื่นตัว ไม่ใช่สมาธิหลับ ไม่ใช่สมาธิเคลิ้ม ไม่ใช่สมาธิโมหะ ไม่ใช่แบบนั้น

ที่นั่งหลับตาอยู่กับลมหายใจ สบาย…รู้สึกตัวอยู่ ถ้าถามรู้สึกตัวมั๊ย? รู้สึกตัวอยู่…แต่จริงๆโมหะกินไปแล้ว 50% รู้สึกตัวอยู่เหมือนกัน 50% มันไม่ตื่นเนื้อตื่นตัว

เราสังเกตเองก็ได้ เคยทำมาทั้ง2อย่าง ลองสังเกตสมัยก่อนนั่งแบบนั้น สบายมั๊ย?…สบาย  รู้สึกตัวมั๊ย?…รู้สึกตัว

แต่รู้สึกว่า สมาธิแบบลืมตาตื่นตัวนี้มันดีกว่า นี่! ก็ง่ายๆแบบนั้น มันพร้อมจะรับรู้สถานการณ์ต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ ได้อย่างสบายๆ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเราผิดปกติเนี่ย เราจะคล้ายๆว่า เฮ้ย…ผิดปกติเยอะ วันนี้รู้สึกว่าฟุ้งซ่านเยอะ เราจะกลับมานั่งสมาธิ…จริงๆแล้วมันเป็นการพักผ่อน ให้จิตมันสบายขึ้นหน่อยนึง แต่ถ้าเข้าใจว่าเป็นการพักผ่อนก็โอเคนะ ไม่ใช่ผิดนะ

แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจแบบนั้น มันเข้าใจว่า อย่างนี้เรียกว่าการปฎิบัติธรรม…ไม่ใช่แบบนั้น

 

ตอนที่ 5 สมาธิเป็นเอง ไม่ใช่สมาธิจัดตั้ง

พอเรามีสมาธิที่มันตื่นเนื้อตื่นตัว เช่นออกไปข้างนอกมา ไปฟุ้งซ่านมา แล้วก็ผิดปกติกลับมา ลองไปนั่งสมาธิดู…นั่งไม่ค่อยได้หรอก พอมันนั่งเนี่ย มันจะมีความรู้สึกว่าเรากำลังทำความสงบ พอเราจะทำความสงบ เรารู้อยู่แล้วว่าการทำความสงบ มันรู้สึกว่ามันมีการกระทำบางอย่าง

เพราะสมาธิที่เราฝึกนี้เป็นสมาธิตื่นเนื้อตื่นตัว มันเป็นสมาธิที่เป็นเอง มันมีอยู่แล้ว เราแค่เข้าไปรู้ เข้าไปเห็น มันเฉยๆ

พอเราเข้าไปรู้ เข้าไปเห็นมันบ่อยๆ มันเปลี่ยนจากสัมมาสติเป็นสัมมาสมาธิ มันเป็นสมาธิที่เค้าเรียกว่า สมาธิเป็นเอง ไม่ใช่สมาธิจัดตั้ง ไม่ใช่สมาธิที่ทำขึ้นมา

เพราะฉะนั้นคนที่มีสัมมาสมาธิแบบนี้แล้ว เค้าจะไม่กลับไปทำสมาธิจัดตั้ง เพราะมันรู้สึกว่ามันทำ กำลังกระทำอะไรบางอย่างอยู่ และมันรู้…ไม่ใช่ทาง จิตนี้มันไม่เอา

มันมีความเชื่อผิดๆ หลายอย่างที่จะพูดว่าต้องได้ฌานก่อน ต้องทำฌานให้ได้ก่อนพวกนี้ ทำให้นักปฎิบัติมากมายเป็นทุกข์ ว่าตัวเองทำฌานไม่ได้ และจะบรรลุธรรมได้อย่างไร? …ก็ลำบากกัน นักปฎิบัติหลายคนที่ถูกทำให้เชื่อแบบนั้น

 

ตอนที่ 6 เข้าสู่ใจเมื่อใจว่าง

อันนี้แหละเป็นสาเหตุที่ผมพูดตลอดว่า ทำไมต้องเดินจงกรมไปฟังไปด้วย อันนี้เป็นแบบนั้น เพราะว่าขณะที่มันพอดีๆกันเนี่ย จิตตอนนั้นมันพอดีกับธรรมตอนนั้นพอดี มันจะเข้าใจลึกซึ้ง มันจะเข้าใจเลย มันจะเข้าไปในใจเลย  มันจะช่วยแบบนั้น

บางทีฟังทั้งคลิป…ก็คลิปสั้นๆนะ ลองไปสังเกตทุกคนฟังไม่ได้ทุกคำ ฟังประโยคนี้เดี๋ยวไปรู้สึกอย่างอื่น ไปคิดโน่น  มารู้สึกร่างกาย หายไปอีกประโยคนึง ค่อยฟังอีกประโยคหน้าอะไรอย่างนี้ มันจะเป็นแบบนี้ตลอด

เพราะฉะนั้นจิตมันจะฟังพอดีกับแต่ประโยค แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน…มันจะเป็นแบบนั้น

เพราะฉะนั้นการที่เราฟังธรรมระหว่างเดินจงกรม จิตมันเปิด จิตกำลังมีสมาธิ เค้าเรียกว่าจิตมันว่าง พอจิตมันว่างมันก็จะซึมซับ (Absorb) ธรรมะได้ง่ายๆ ลึกซึ้ง ละเอียด พอดีพอดีกับระดับจิต ณ ตอนนั้น ตรงไหนที่มันพอดีกันมันจะพอดี (Match) กันเลยทันที และที่เคยฟังด้วยความคิด…มันจะไม่ใช่

 

ตอนที่ 7 อย่าเพิ่งด่วนสรุป

ที่เค้าถามว่าปฎิบัติธรรมทำยังไง? มันยังตอบไม่ได้ เพราะว่าจิ๊กซอร์นี้มันยังไม่ชัด มันอยู่ในช่วงจิ๊กซอร์ภาพอยู่

มันเหมือนกับว่าวันนี้เราฟังอยู่นี้แล้วจิ๊กซอร์ได้เป็นรูปนี้ พออีกวันนึงเรา หรือว่าอีกอาทิตย์นึงผ่านไป เราฟังเหมือนเดิม แต่ระดับจิตมันเปลี่ยน ภาพที่เคยถูกจิ๊กซอร์ไว้อย่างนี้ มันก็จะเปลี่ยนใหม่อีก…เป็นอย่างนี้

คล้ายๆว่าในอดีตที่เคยจิ๊กซอร์ไว้ เหมือนๆใช่…แต่ยังไม่ใช่…มันต้องเป็นแบบนี้ อะไรแบบนั้น มันจะค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น ธรรมะตามความคิดยังผิดอยู่ตลอด…ยังไม่ถูก คนที่พูดธรรมะตามความคิด มันถึงได้ผิดตลอดเหมือนกัน

แม้กระทั่งคำว่าปกติ ก็มีระดับ (Level) ของความปกติที่ไม่เหมือนกันด้วย แล้วแต่ระดับจิตใครที่บริสุทธิ์มากกว่ากัน ก็จะสัมผัสความเป็นปกติได้ไม่เท่ากัน

 

Camouflage

3 – Feb – 2016

 

ถอดไฟล์เสียงจาก YouTube : https://youtu.be/QLnJM7ksUd4

คลิปเสียงธรรมะทั้งหมดของคุณ Camouflage : https://goo.gl/RDZFMI

======================

5 ช่องทางการอ่านและฟังธรรม

1) Facebook : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
http://www.facebook.com/sookguysookjai

2) Line : @camouflage.talk
https://line.me/R/ti/p/%40camouflage.talk

3) YouTube : สุขกาย สุขใจ SookGuySookJai
https://goo.gl/in9S5v

4) Website: https://camouflagetalk.com

5) Podcast : Camouflage – Dhamma Talk
https://itun.es/th/t6Mzdb.c