พวกเราเคยได้ยิน ความหมายของ พุทธะ ซึ่งก็คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ในตอนนี้ ผมอยากจะเน้น อยากจะย้ำ สภาพตื่น นี้สักหน่อย
ตื่น ที่เรารู้จักมักคุ้นกันดี คือ
การตื่นออกมาจากโลกของความคิดปรุงแต่ง
ตื่นออกมาจากโลกของจินตนาการ
ตื่นออกมาจากโลกของความเพ้อฝัน
ตื่นออกมาจากการคิดอะไรๆเป็นจริงเป็นจังไปเสียหมดทุกอย่าง
เหล่านี้คือ กิริยาอาการตื่น ที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้ยินได้ฟังมากันมาก
แต่แล้วพวกเราส่วนมาก ก็ยังไม่ค่อยซาบซึ้งกับความตื่นนี้ และไม่สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติของตัวเองได้อย่างปราณีตลึกซึ้ง
.
.
.
มีอาการตื่น ที่พวกเรามักจะละเลย ไม่ให้ความสำคัญ ทั้งๆที่เป็นสิ่งสำคัญมาก
นั่นคือ การตื่นจากความเผลอเพลิน
เผลอเพลินอย่างไร???
เผลอเพลินแบบนี้ เป็นความเผลอเพลินในภาวะที่เราคิดว่าเรากำลังรู้สึกตัว ในภาวะจิตใจที่กำลังสบาย ปลอดโปร่ง โล่ง เบา เป็นปกติอยู่
พอเรารู้สึกสบาย จิตสบาย เราจะเผลอเพลิน เราจะเริ่มยินดีพอใจกับความสบายที่กำลังเป็นอยู่ ไม่ว่าในขณะนั้นจะเป็นการเดินจงกรม นั่งสมาธิ นั่งสร้างจังหวะ หรือแม้กระทั่งในเวลาปกติที่เราไม่ได้ทำในรูปแบบก็ตาม
แต่เราไม่ทันเห็นความเผลอเพลินนั้น เราเข้าไปเป็น เข้าไปจมในอารมณ์เหล่านั้น โดยไม่ทันรู้ตัว
โดยธรรมชาติของนักปฏิบัติแล้ว เมื่อเราพบเจอ ความสบาย ความโล่ง โปร่ง เบา เราจะรู้สึกดี
เราจะมีความเห็นขึ้นมาว่า เป็นสภาวะที่น่าพอใจ น่าหลงเพลิน น่าเอา น่าเป็น
อาการเผลอเพลินเช่นนั้น จึงเป็นความหลับไหล ที่มองเห็นได้ยาก และในนักปฏิบัติที่ปฏิบัติมานาน มักจะติดกับดักตรงนี้ และไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่
ผมจึงอยากให้ลองสังเกตตนเองกันดูสักหน่อย
.
.
.
ส่วนวิธีการแก้ไขอาการหลับไหลที่แสนจะแนบเนียนที่ผมอยากจะเน้นย้ำ คือ กิริยาตื่น ที่พวกเราทุกคนต้องหมั่นที่จะตื่นเข้าไว้
ตื่น คือ ไม่ติดกับอะไรใดๆ จึงจะเป็นความตื่นโดยสมบูรณ์
มองอะไรก็มองกว้างๆ มองผ่านหมด
มองอะไรก็ไม่เพ่งจ้อง ไม่วิพากษ์วิจารณ์
ขณะเดิน ก็แค่เดิน
ปกติอยู่ ก็แค่รู้
แต่ไม่เอาอะไรเลย
ตัวแท้จริงของเรา คือ สภาพ รู้ ตื่น เบิกบาน
ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าสภาพนี้ ถ้าเรามีสภาพที่มากกว่านี้ นั่นเรากำลังเอาอะไรมาใส่เพิ่ม และนั่นหมายถึงเราได้หลุดจากความเป็นพุทธะเรียบร้อยแล้ว
สภาพของอาการตื่นที่แท้จริงนั้น ปราศจากความคิดปรุงแต่ง ปราศจากความกลัว ปราศจากความกังวล ปราศจากตัวตน
ทุกขณะของความตื่นจะเป็นความสดใหม่ของชีวิต และเราทุกคนจะสัมผัสสภาพนี้ได้จริง
ถ้ามีสภาพตื่นอยู่ เราจะตื่นรู้ เราจะไม่ซึมกระทือ เราจะไม่เคลิ้ม จนง่วงเหงาหาวนอนในที่สุด
คำว่าสดใหม่ นั้น ไม่มีแม้แต่กลิ่นอายของความคิด สัญญา ในอดีต ในอนาคต เข้ามารบกวนในแต่ละขณะนั้นๆ
จึงเป็นความตื่น อยู่บนความเป็นปกติอยู่อย่างแท้จริง
ความตื่นที่แท้จริงนั้น เป็นการตื่นต่อสภาพในโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าสภาพนั้นจะดีหรือจะร้ายก็ตาม
กิริยาตื่น นั้นปราศจากการเป็นอะไรกับอะไร ปราศจากกิเลส อัตตา ตัวตน การให้ค่า ตัดสิน แบ่งแยก
.
.
.
และเราเป็นตัวนี้ เป็นกิริยาตื่น
แล้วเราจะได้ค้นพบวิถีชีวิตใหม่ที่เราไม่เคยพบมาก่อน นั่นคือ
วิถีของการอยู่ในโลกอย่างเหนือโลก
Camouflage