อาจารย์ : เรายึดหลักการของพระพุทธเจ้า ว่าหลักการพูดมี 4 อย่าง
และเราก็อาจจะยึดพ่อเราเป็นตัวอย่าง เพราะเราชอบและชื่นชมพ่อ แล้วเราก็เลียนแบบ
มนุษย์ทุกคนอยู่ในกรงขังแบบนี้ คือ #กรงขังของคำสอน ที่เรายึดว่า “ดี” แล้วเราก็แค่เลียนแบบ
มนุษย์เราจึงเป็นแค่ #นักเลียนแบบ เราไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม
เราต้องเชื่อก่อนว่า คุณสมบัตินี้ดี แล้วเราก็เลียนแบบ เพื่อจะเป็นแบบนั้น
แต่เราไม่เคยเห็นตัวเอง ว่าเราทำอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ทุกอย่างอยู่ในโครงสร้างเดียวกัน เป็นกรงขังเดียวกันของมนุษย์ทุกคน
พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า “ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น”
คำสอนคือ อุปสรรค
แต่มนุษย์คนหนึ่งจะไม่สอนก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น คำสอนทุกอย่างในโลกนี้เป็นเหมือนหลุมกับดักอยู่เสมอ และชีวิตต้องอาศัยความแจ่มแจ้งเท่านั้น ต่อสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ เราถึงจะไม่ตกหลุมนั้น
ไม่ว่าจะรูปแบบไหนของคำว่า “ดี” นั่นคือกับดักที่ดีที่สุด ที่ล่อคนเอาไว้ และเราก็ติดอยู่กับกับดักอันนั้น
“ดี” คือของที่สวยงาม บริสุทธิ์ ไร้ที่ติในใจของคน
ด้วยความที่มันมีคุณสมบัตินั้น มันจึงเป็นของที่แจ่มแจ้งยากที่สุด
ไม่เพียงตัวเองแจ่มแจ้งยากที่สุด
คนจะบอก ก็บอกยากที่สุด
เพราะดี มันช่างขาวบริสุทธิ์ ใสเหลือเกิน ที่จะหาตำหนิได้
ผู้ฟัง : มันยากเพราะว่าการติดดี มันเหมือนเป็นเกราะให้กับเรา มันทำให้จิตใจสบาย เมื่อไหร่ที่เราทำสิ่งที่สังคมบอกว่าไม่ดี เราก็รู้สึกไม่สบายแล้ว
อาจารย์ : เพราะฉะนั้น ชีวิตของเรา ถูกตัดสินด้วยดีกับไม่ดี ชีวิตจึงไม่ใช่ความแจ่มแจ้ง
ชีวิตยังโดนอิทธิพลของดีและไม่ดีเป็นตัวนำชีวิต
และเราต้องรู้ว่านั่นคือ ความหลง
เราจะต้องกัดไม่ปล่อย กับวิถีของการดำเนินชีวิต
ถ้าวิถีของการดำเนินชีวิตใช้ดีกับไม่ดีมาตัดสิน แล้วเราก็เคยชินว่า เออ…ทำอย่างนี้ “ดี” แต่ไม่ใช่ความแจ่มแจ้งก่อน แล้วเราก็ทำไป
ถามว่าผลดีไหม ก็ดี ไม่มีอะไรเสียหาย
แต่ไม่ใช่ความแจ่มแจ้ง
กัดไม่ปล่อยของผมก็คือว่า ผมไม่ปล่อยให้พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้น
สมมุติว่าเรื่องที่จะทำมันอยู่ในพาร์ทของดี หัวใจผมจะต้องแจ่มแจ้งสิ่งที่จะทำนั้นก่อน แล้วผมถึงจะทำ
ต้องเป็นหัวใจที่แจ่มแจ้ง ไม่ใช่หัวใจที่ดี
#Camouflage
27-07-2567