เข้าใจต่อทุกข์ของชีวิตนี้อย่างลึกซึ้ง

คนคนนึงจะปฏิบัติธรรมได้ ไม่ใช่การสอนให้รีบไปทำอะไร เพื่อจะได้อะไร

แต่มันเป็นการที่คนคนนึงจะต้อง
เห็นทั้งหมดของตัวเองว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
ชีวิตเราถูกขับดันด้วยอะไรกันแน่

เรามักจะพูดกันง่ายๆ ว่าเราถูกขับดันด้วยความอยาก ตัณหา แต่เบื้องหลังไปอีกอาจจะเป็นความดี สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่ความดีแต่ก็จะเป็นอีกอย่างนึง

เราไม่เคยรู้ว่าอะไรขับดันเรา เราไม่เคยรู้ว่ามีความเชื่อ ความเป็นเรา อนุสัย สันดานที่มันหล่อหลอมชีวิตของเราขึ้นมา ว่ามันขับดันเราแบบไหน…เราไม่เคยรู้

เราอยู่ภายใต้โครงสร้างของความขับดันแบบไหน…เราไม่เคยรู้ แล้วเราก็วิ่งไปตามสิ่งที่เราเชื่อ…คืออะไร?…คือดี เพราะเราเชื่อสิ่งที่ดี เราจึงวิ่งไปตามนั้นทันทีที่ความอยากมันขับดัน

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อจะทำอะไร เรามีชีวิตที่จะเห็นทั้งหมดของชีวิตว่า ในแต่ละขณะมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันเป็นยังไง

ไม่ใช่การวิ่งไปทำตามอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ นั่นไม่ใช่การปฏิบัติธรรม นั่นเป็นการวิ่งไล่หาความสุข ความปลอดภัย ความรู้สึกอุ่นใจ ที่เราได้ทำสิ่งนั้นแล้วสบายใจ

การปฏิบัติธรรมไม่ใช่ปฏิบัติอะไร ไม่ใช่การทำอะไร ไม่ใช่จากนี้ไปจะทำอะไร

แต่คือ การค้นพบทุกขณะของชีวิตว่า
…มันถูกขับดันด้วยอะไร
…มันเป็นยังไง
…ทำไมมันถึงทำแบบนี้
…ทำไมมันบีบคั้นเราแบบนี้
…ความเชื่ออะไรที่หลงเหลืออยู่
…ความยึดติดอะไรที่หลงเหลืออยู่
นี่คือการปฏิบัติธรรม
มันไม่ใช่การทำอะไร

การปฏิบัติธรรมคือการใช้การใส่ใจอย่างยิ่ง ซึ่งนี่แหละคือสมาธิ

เราใช้เวลาที่วิเวก สันโดษทั้งหมด เพื่อจะใส่ใจต่อความครอบงำทั้งหมดอย่างถึงที่สุด จนชีวิตเงียบ และเมื่อชีวิตเงียบนั่นคือการภาวนา ปัญญาเกิดจากที่นั่น

สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในหัวใจเราทุกคนก็คือ ความจริงนั้นเข้าไปในหัวใจเราจริงๆแล้วหรือยัง

ถ้าเข้าไปในหัวใจเราได้ มันจะมีแรงผลักดัน ที่ชีวิตเราจะต้อง “จริง” เท่านั้น ไม่ใช่เป็นชีวิตภายใต้ความครอบงำของความเชื่อ ความดี หรือความไม่ดี

มันจะเข้าไปในหัวใจเราได้ยังไง?

มันไม่ใช่การแค่นั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือออกบวช มันไม่ใช่เรื่องแค่นั้น

แต่มันเป็นเรื่องของการลงลึกในชีวิตนี้อย่างลึกซึ้ง จนถึงความครอบงำอันสุดท้ายที่ครอบเราอยู่ แล้วเข้าใจว่าโลกนี้ช่างไร้สาระ ความเป็นของคู่ทั้งหลาย ดีไม่ดี มันไม่มีอยู่จริง

เรื่องของชีวิตเป็นเรื่องที่เราเองจะต้องดำดิ่งลงไป ใส่ใจกับมันอย่างลึกซึ้ง กัดไม่ปล่อย

ดำดิ่งกับมัน เห็นความจริงของมัน จนเมื่อเข้าใจความทุกข์ที่เกิดขึ้น ชีวิตที่เป็นการภาวนาก็จะเกิดขึ้นเอง

ความเข้าใจต่อทุกข์ของชีวิตนี้อย่างลึกซึ้ง ดำดิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับมัน เห็นความเป็นไปทั้งหมด เห็นความจริงของมัน แล้วมันจะผลิบานออกมาเป็นการภาวนาในที่สุด

ชีวิตที่เงียบเชียบจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เกิดจากที่ใครสักคนสอนเราว่าจงใช้ชีวิตอย่างเงียบเชียบ แต่มันเกิดขึ้นเองอย่างมหัศจรรย์

การปฏิบัติธรรมคือการพลิกชีวิตใหม่ จะเกิดขึ้นจากการที่เราไม่ละเลยต่อความทุกข์ในชีวิต แม้แต่นิดเดียวก็ตาม

แล้วเราจะเห็นความจริง ซึ่งความจริงนั้นจะเข้าไปถึงหัวใจ และเป็นพลังขับดันให้เราตัดสินใจที่จะเลือกชีวิตใหม่…พลิกชีวิตให้เป็นชีวิตใหม่ได้

การปฏิบัติธรรมไม่ได้ยากเลย และมันไม่ใช่การที่เราปฏิบัติธรรมด้วย

ตอนนี้ เราคือชีวิตที่เป็นทุกข์อยู่ แต่เราปฏิบัติธรรมโดยมีเป้าหมายว่าเราจะไปที่โน่น…แล้วเราก็ลืมที่จะรู้จักตัวเอง

ธรรมะอยู่ที่นี่ แต่เราจะไปที่โน่น… เราจะฝึกให้มีนั่นมีนี่…เราจะไปที่โน่น

แล้วเราก็ลืมความทุกข์ที่มีในชีวิตของตัวเอง ลืมที่จะเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดของความทุกข์ในชีวิตตัวเอง

เราละเลยชีวิตเราขนาดไหน?

ชีวิตปฏิบัติธรรมคือชีวิตที่เป็นการเห็นล้วนๆ และเข้าใจความเป็นไปทั้งหมดของมัน

อย่าให้ความคิดใดๆ เข้ามาครอบงำวิถีความเป็นไปของมัน เรียนรู้ความเป็นไปของมันจริงๆ

เมื่อถึงทางตันทั้งหมดของการพิจารณา มันจะยิ่งหดกลับเข้ามา มันจะหยุดเอง ไม่ต้องไปหยุดความคิด นี่คือการปฏิบัติธรรม นี่คือชีวิต

ไม่มีคำว่าต้องทำยังไงดี
มีแต่ว่าเห็นชีวิตนี้มันกำลังทำอะไร

Camouflage
12-03-2565