พ้นจากทุกทฤษฎี ทุกความคิด

คำถาม : แม่ตื่นมาตีสอง แม่ก็คิดคิดคิด ไม่หลับ แม่ทำอะไรดี

อาจารย์ : ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันคิดไป ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ถ้าจะทำอะไรกับความคิด นั่นก็คือความคิดอีกอันนึง แม่กำลังหาวิธีจัดการความคิด นั่นคือรูปแบบของความคิดอีกอันหนึ่ง

คำถาม : มันก็เลยไม่เลิกคิด  

อาจารย์ : มันก็เลยไม่เลิกซิ เหมือนแม่เอาน้ำดำไปราดน้ำดำ มันก็ดำเหมือนเดิม วิธีการง่ายๆ “นั่งเฉยๆ” เช่น นั่งดูราวตากผ้า

คำถาม : แม่ก็พยายามทำไง เลยขึ้นมานั่งสมาธิ แป๊ปเดียวมันก็ไปคิดอีก

อาจารย์ : เพราะนั่นคือความคิด แม่กำลังมีรูปแบบของความคิดว่าจะนั่งสมาธิเพื่อที่จะไม่ให้มีความคิด นั่นคือ ความคิดเหมือนเดิม

คำถาม : ปล่อยมันไป ปล่อยไหลไปใช่ไหมคะ

อาจารย์ :  ไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งเฉยๆ ที่แม่พยายามทำทั้งหมดคือ ไม่เฉย “นั่งเฉยๆ ไม่ต้องคิดจะทำอะไร ไม่ต้องคิดจะจัดการความคิด

คำถาม : แม่บังคับมันก็ไม่ได้

อาจารย์ :  ไม่ต้องบังคับ บังคับมันคือ การทำ แม่ยังไม่ต้องคิดว่าจะทำได้ยังไง เพราะนั่นคือความคิดเหมือนเดิม ให้ลุกขึ้นมานั่งเฉยๆ แค่นั้น มีเงื่อนไขเดียว แม่ห้ามทำอะไร ห้ามคิดว่าจะทำยังไงกับความคิด

 

ผมว่าชีวิตเราทุกคนก็จะเริ่มเข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่า เราทุกข์กันเพราะระบบของความคิด ความคิดจะให้ทุกข์กับทุกคน ถ้าวันนี้เรายังมีความทุกข์ไม่มากกับความคิด แต่วันนึงเราจะทุกข์มากกับมัน มันคือการสั่งสมนิสัยความเคยชินที่จะอยู่ในความคิด ที่จะติดกับความคิด หรือแม้กระทั่งเราปฏิบัติธรรมเราก็มีความคิดที่จะต้องคอยรู้ทันความคิด นั่นก็เป็นความทุกข์เหมือนกัน

ฟังประโยคนี้ของผมให้ดีนะ แม้กระทั่งการรู้ทันความคิด เรายังมีความคิดว่าเราต้องรู้ทันความคิด

เพราะอะไร เพราะเรามีเป้าหมาย ผมอยากให้การรู้ทันความคิดนั้น เกิดจากความเข้าใจว่าการคิดเป็นทุกข์ …มันไม่เหมือนกันนะ

เส้นทางของพระพุทธเจ้านั้น เป็นเรื่องทุกข์และความพ้นทุกข์เท่านั้น

การรู้ทันจิตที่ไปคิดนั้น ควรจะเกิดขึ้นจากอะไรบางอย่างที่มันสอนเราว่าการเข้าไปอยู่ในระบบของความคิดนั้นเป็นทุกข์ ไม่ใช่การรู้ทันเพื่อจะบรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่างที่ดีๆ ที่เราจะได้ ผมจะบอกให้ว่าหัวใจสองอันนี้คนละเรื่องกันเลย เราอาจจะทำเหมือนกันแต่เราจะไปคนละที่

เพราะฉะนั้น ผมบอกว่าวิธีปฏิบัตินั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราแต่ละคน มันไม่ใช่ทฤษฎี มันไม่ใช่สิ่งที่เราวางแผนไว้แล้วว่าเราจะรู้อย่างนี้ การทำแบบนั้นเป็นเรื่องของ “คนตายแล้ว” การทำแบบนั้นเป็นเรื่องของคนที่ตายแล้วเพราะในแต่ขณะนั้นถูกกำหนดอนาคตเอาไว้ มันไม่ใช่ความสดใหม่ มันไม่ใช่ instant มันไม่ใช่ขณะนั้น

เราต้องเข้าใจสิ่งที่ผมสอนว่า การปฏิบัติธรรมนั้นมันอยู่นอกเหนือทุกรูปแบบของความคิด นอกเหนือทุกคอนเซ็ปต์ มันคือ “การใช้ชีวิตที่สดใหม่” และศิลปะในการปฏิบัติธรรมนั้นมันจะเกิดขึ้น และมันกลายเป็นวิธีปฏิบัติของเรา เราจะเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งเลย เช่น ถ้าเราทุกข์เพราะความคิด เราจะรู้ว่าเราจะต้องออกจากระบบของความคิด เราจะรู้ว่าเราต้องออกจากมัน เราจะรู้ทันว่าระบบของความคิดเกิดขึ้นอีกแล้ว เราติดแล้ว เข้าไปแล้ว เราจะรู้ทุกอย่างอย่างละเอียดละออ

เมื่อเราพ้นจากทุกทฤษฎี ทุกความคิด เผชิญหน้ากับทุกสิ่งอย่างสดใหม่ การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงจะเกิดขึ้นกับจิตใจแต่ละดวง แต่เราเป็นคนต้องการความแน่นอน ต้องการหนึ่งสองสามสี่ ช่วยบอกวิธีมาเลย เดี๋ยวเราจะทำ ทันทีที่เราคิดอย่างนั้น แล้วเราทำอย่างนั้น เราตายแล้ว เป็นศพเรียบร้อยแล้ว

เผชิญหน้ากับชีวิตอย่างเข้มข้น เผชิญหน้ากับแต่ละขณะไม่ว่าทุกข์หรือสุขอย่างเข้มข้น แล้วเราจะได้แก่นของมัน ชีวิตของมนุษย์หรือของแต่ละดวงจิต จะพ้นทุกข์ได้ด้วยความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเข้มข้น

ผมบอกว่าชีวิตเราต่างกันนะ ชีวิตนักปฏิบัติธรรมจำนวนมากอยู่ภายใต้ทฤษฎี ทำทุกอย่างภายใต้คอนเซ็ปต์ ภายใต้ไอเดีย แม้กระทั่งเรารู้สึกตัวก็เพื่อของดีอะไรบางอย่าง กว่าเราจะมารู้ว่าความรู้สึกตัวนั้นมีอยู่แล้วไม่ต้องหา ไม่ต้องพยายาม เราจะเห็นว่า ทั้งหมดที่มันผิดพลาดเพราะอะไร เพราะตัวเรา แต่ผมจะบอกว่ามันคือความคิด เพราะตัวเรามันเกิดจากความคิด ทั้งหมดที่มีปัญหาในชีวิต ก็คือ “ความคิด

ความรู้สึกตัวที่มีอยู่แล้ว เราก็สร้างปัญหาให้กับมัน ไปเพิ่มปัญหาให้กับมัน ทำให้มันดูยากขึ้น ทำให้มันดูงงกว่าเดิม ทำให้มันชัดขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เราปฏิบัติธรรมภายใต้ความคิด ร้อยปีพันปีเราก็จะยังมีข้อผิดพลาดอยู่

เพราะฉะนั้น เราทุกคนจะต้องรู้จักหนึ่ง รู้จักความเป็นทั้งหมด

ความเป็นทั้งหมดของชีวิต มันเป็นอย่างนี้ มันสมบูรณ์อยู่แล้ว ที่มันรู้สึกไม่สมบูรณ์ก็เพราะ “เรา” เราไปแยกแยะแบ่งแยก ว่านี่ชั่ว นี่ไม่เวิร์ค นี่ไม่ดี และเราก็แก้ไขจะทำให้มันดีกว่านี้ แล้วความยุ่งยากทั้งหมดก็เลยเกิดขึ้น การปฏิบัติธรรมเลยกลายเป็นเรื่องยาก การปฏิบัติธรรมไม่มีอะไรยาก “เป็นการใช้ชีวิตที่ไม่มีเรา

คำถามถัดมาคือจะไม่มีเราได้ยังไง ตอบว่า “อย่าคิด” ง่าย!

 

Camouflage

06-02-2564_2.3