เริ่มที่นี่ จบที่นี่

ในการปฏิบัติธรรม สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องเข้าใจมากที่สุด คือ “สัมมาทิฏฐิ” 

ถ้าถามว่าวิธีปฏิบัติคืออะไร ผมก็สามารถตอบได้เลยว่า มันคือสัมมาทิฏฐิแค่นั้น วิธีปฏิบัติอยู่ในนั้น

แต่การที่เราเจริญมรรคมีองค์ 7 โยนข้อ 1 ซึ่งเป็นเรื่องสัมมาทิฏฐิทิ้งไป ไปทำข้ออื่นที่เหลือ เราถึงเต็มไปด้วยความแบ่งแยก ชีวิตเราถึงเต็มไปด้วยเป้าหมายว่าต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนั้น

มีคำที่ผมพูดอยู่บ่อยๆ ที่พวกเราต้องสังเกตและเห็นด้วยตัวเอง คือ“ชีวิตที่มีคำว่าต้อง และชีวิตที่เต็มไปด้วยทฤษฎีและคอนเซ็ปต์” เป็นชีวิตที่คับแคบ ผมไม่ได้บอกว่า ความกว้างใหญ่ไพศาลคือการทำอะไรตามใจตนเองได้ มันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง

แต่มันเป็น “แค่ความไม่มีตัวเราเฉยๆ” เป็นแค่ชีวิตที่สามารถนั่งเฉยๆ ดูราวตากผ้าหน้าบ้านได้ แล้วเราต้องอาบน้ำ เราต้องแปรงฟัน เราต้องกินข้าว นั่นคือ การใช้ชีวิต

มีการ์ตูน Zen ไปถามอาจารย์ว่า ก่อนท่านบรรลุธรรมท่านทำอะไร อาจารย์ตอบว่า “ก็ซักผ้า กินข้าว ล้างจาน” แล้วหลังท่านบรรลุธรรมอาจารย์ทำอะไร อาจารย์ก็ตอบว่า “ซักผ้า กินข้าว ล้างจาน” เหมือนเดิม

เพราะมันคือชีวิต “มันคือการใช้ชีวิตเฉยๆ

แต่ประเด็นสำคัญที่ผมบอกว่า เราเข้าใจความเป็นหนึ่งได้มั้ย เราเข้าถึงความเป็นหนึ่งได้มั้ย และต้องเข้าใจว่า ไม่มีหนทางที่จะไปสู่สัจจะได้ มันไม่ใช่หนทาง มันไม่ใช่เส้นทาง มันเป็นเรื่องของ “อึดใจเดียว”เรางมโข่งอยู่กับเส้นทางและหนทางมานานแล้ว มันไม่มีเรื่องแบบนั้น

มันคือ “เริ่มที่นี่และจบที่นี่” จุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายมันต้องเป็นจุดเดียวกัน เพราะถ้ามันเป็นคนละจุด มันคือกาลเวลาและความแบ่งแยก เรากำลังเริ่มที่นี่และไปจบที่โน่น มันจะไม่มีวันไปถึงที่โน่นเลย เพราะเราอยู่ที่เดิมคือที่ของกาลเวลา ที่ของตัวเรา

เหมือนตอนที่เรานั่งเงียบๆ เรารู้มั้ย? รู้… “รู้ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น แต่ไม่มีการสะสมข้อรู้ความรู้ใดๆ” แต่ถ้าผมบอกว่า เดี๋ยวนั่งไปหมดชั่วโมงนี้ ให้สะสมข้อรู้และความรู้ทั้งหมดในชั่วโมงนี้ ชีวิตเราจะหนัก ภาระจะเกิดขึ้น เราแต่ละคนในชื่อต่างๆ จะเกิดขึ้น อนาคตจะเกิดขึ้น ความหวังทั้งหลายจะเกิดขึ้น และความทุกข์จะเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีที่ผมให้ทำแบบนั้น แต่เราก็ยังคอยจะ “สะสม” เช่น สะสมสติ สะสมสมาธิ สะสมปัญญา สะสมทุกอย่าง

เริ่มที่นี่ จบที่นี่ อิสระตั้งแต่ที่นี่ รู้ที่เป็นอิสระเท่านั้นถึงจะเป็นรู้ของจริง

รู้ที่มีอิสระเป็นรู้ที่ไม่อยู่ภายใต้ทฤษฎี ภายใต้ความคิด ภายใต้เงื่อนไข ภายใต้ความรู้ตามตำราหรือตามครูบาอาจารย์บอกมา รู้แบบนั้นเป็นรู้ที่ถูกล็อคเอาไว้ ถูกขังเอาไว้

เราไม่สามารถที่จะ “รู้โดยที่ไม่ได้อะไร” เราไม่สามารถปฏิบัติธรรมโดยที่รู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลย เราไม่สามารถปฏิบัติธรรมหรือแม้กระทั่งนั่งสมาธิโดยที่ไม่ได้รับความสงบเลย เราต้องได้อะไรบางอย่างเสมอ นี่คือปัญหาของตัวเรา

เราไม่เคยมีชีวิตแค่ขณะนี้แล้วหมดไป ขณะนี้แล้วหมดไป ไม่มีการสะสม ไม่มีเรื่องราว ไม่มีการลงความเห็นใดๆ ทั้งนั้น  ไม่มีความหมายใดๆ ทั้งนั้น ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีแม้กระทั่งปัจจุบัน เพราะคำว่าปัจจุบันก็คือความคิด

สัมมาทิฏฐิข้อแรก คือ สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ คือ ว่างจากความหมายของความเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา เห็นมั้ยข้อแรกเรายังทำไม่ได้เลย แล้วเราลุยข้ออื่นเต็มที่เลย แต่คำสอนผมทั้งหมดเพื่อให้พวกเราลุยข้อแรกให้เต็มที่

 

Camouflage

06-02-2564_2.2