ปัญหาคือเราอยากจะได้อะไร

 

ที่ยากกว่าวิธีปฏิบัติคือ “การใช้ชีวิต”

ที่ควรจะเป็นก็คือ “การใช้ชีวิตที่ไม่อิงอาศัยความยึดมั่นถือมั่นอะไรเลย

 

เวลาผมพูดถึงการใช้ชีวิต

เราทุกคนก็จะคิดว่าจะใช้ชีวิตยังไงให้ถูกให้ดี…ใช่มั้ย

“แล้วเราก็มีนิยามของถูกและดีอีก”

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะสอนให้คนเราหลุดจากถูกและดีได้ยังไง

 

ทุกวันพวกเราอยู่ที่สถานธรรม เราก็ไม่มีอะไรทำ ใช้ชีวิตเหมือนไร้ค่า ตื่นมาก็ออกกำลังกาย เดินรับแดด กินข้าว อาบน้ำ นั่งสมาธิ กินข้าว นั่งสมาธิ เดินจงกรม นั่งสมาธิก่อนนอน นอน ตื่น แล้วก็ทำเหมือนกันทุกวันนั่นแหละ เป็นชีวิตที่ได้อะไรมั้ย…ไม่ได้อะไรหรอก

แต่เป็นชีวิตที่อิสระ…อิสระจากไอเดียของความเป็นเรา

อิสระจากเราซักคนที่อยากจะใช้ชีวิตให้มันได้อะไรในแต่ละวัน

ให้มันมีอะไร เป็นอะไรขึ้นมาในแต่ละวัน…เราอิสระจากตรงนั้น

ชีวิตที่ไม่ได้อะไร…เป็นชีวิตที่ไม่มีเรา

และทันทีที่เราคิดว่า “อุ้ย วันนี้ไม่ได้อะไรเลย” นั่นคือเรา…ใช่มั้ย?

มีความทุกข์ทันทีเลยใช่มั้ย?

เห็นมั้ย…ความอยากได้อะไรก็คือความทุกข์

ไม่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี หรือไม่ดี

หรือเรียกว่าสุขหรือทุกข์

หรือความก้าวหน้า ไม่ก้าวหน้า

เมื่อเราได้มันมา มันกลายเป็นทุกข์ทันทีเลย เพราะอะไร?

 

เวลาเราปฏิบัติธรรม และมีสภาวธรรมดีๆ แล้วเรารับมัน เช่น โหห….ดี

ผมขอถามหน่อยว่า เราทุกข์มั้ย? บรรยากาศแบบนั้นน่ะทุกข์มั้ย?

เราต้องพิจารณาว่าทุกข์มั้ย

เอ๊ะทำไมทุกข์?

เพราะว่าเรารับมัน แล้วเรายึดมันเลย…เราเป็นคนได้รับมัน

 

ทุกคำถามที่นักปฏิบัติธรรมถามครูบาอาจารย์

ทุกวันที่ครูบาอาจารย์ต้องคอยแก้ความเห็นผิดของนักปฏิบัติธรรม

มันมีแค่อย่างเดียวคือ

“เราทุกคนอยากได้อะไรบางอย่างในการปฏิบัติธรรม” แค่นั้นแหละ

รากเหง้ามีแค่นี้เลย

แต่เราไม่เห็นว่านั่นเป็นความทุกข์

เราไม่เข้าใจว่ามันไม่ได้แก้ที่อาการต่างๆ ที่เรากำลังเป็น

สิ่งเดียวในการปฏิบัติคือ “ต้องแก้ความเห็นผิด” เท่านั้นเอง

ไม่ได้แก้การปฏิบัติ

แต่แก้ความคิดผิดๆ ออกไปแค่นั้น

ปัญหาทั้งหมดคือเราอยากจะได้อะไร

 

Camouflage

12-06-2564_2.1